11/5/12
มะเร็งปอด ซึ่งลักษณะของเซลล์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ มีสองชนิด
มะเร็งปอด ซึ่งลักษณะของเซลล์ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ มีสองชนิด
หนึ่งจะมีขนาดใหญ่ผิดปกติจัดเป็น non-small cell cancer
ส่วนอีกชนิดหนึ่งเป็นเซลล์ซึ่งมีลักษณะขนาดเล็ก เรียก small cell lung cancer
มะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเริ่มเกิดขึ้นที่ส่วนกลางของปอด
คนเป็นมะเร็งชนิดนี้ ส่วนมากจะมาพบแพทย์เมื่อมะเร็งอยู่ในสุดท้าย
ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีการเจริญเติบโตได้ไว และมีการแพร่กระจายออกนอกปอดไป
โดยมะเร็งจะกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียง และผนังของทรวงอก
นอกจากนั้น มันยังสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป
โดยที่เซลล์ในบริเวณปอดมีขนาดเล็กเท่านั้นเอง
คนส่วนใหญ่ที่เป็นมะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดใหญ่ มักเป็นคนสูบบุหรี่มาก่อน
หรือสูบในปัจจุบันขณะที่พบเป็นมะเร็ง
อาการ (Symptoms)
บ่อยครั้งที่คนเป็นมะเร็งปอดจะตรวจพบจากการตรวจเอกซเรย์ปอด หรือตรวจ
CT scans ซึ่งเป็นการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างอื่น
เป็นการตรวจพบโดยบังเอิญเสียเป็นส่วนใหญ่
เมื่ออาการของโรคมะเร็งเกิดขึ้น ส่วนมากเขาจะมาด้วยอาการ “ไอ” อย่างต่อเนื่อง
แต่ก็อีกนั้นแหละ คนที่มีอาการไออย่างต่อเนื่องไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นมะเร็ง
ของปอดเสมอไป แต่เป็นโรคอื่นก็ได้....
นอกจากอาการไอดังกล่าวแล้ว คนไขที่เป็นมะเร็งอาจมีอาการอย่างอื่น เช่น:
§ ไอเป็นเลือด (cough up blood)
§ หายใจลำบาก (shortness of breath)
§ ลมหายใจมีเสียง wheezing ของปอดข้างใดข้างหนึ่ง
§ เหนื่อยเพลียอย่างมาก
§ ปอดอักเสบ (pneumonia) ซึ่งมักจะเกดขึ้นที่จุดเดิมเสมอ
§ น้ำหนักลด หรือเบื่ออาหารโดยไม่ทราบสาเหตุ
Diการวินิจฉัย(agnosis)
ส่วนใหญ่แพทย์มักตรวจพบคนเป็นมะเร็งโรคปอดจากการถ่ายภาพเอกซเรย์
ของทรวงอก และอาจมีการตรวจอย่างอื่นอีก เป็นการตรวจด้วยภาพ เช่น
computed tomography(CT) , magnetic resonance imaging (MRI) scans
และ positron emission tomography (PET) cans
ซึ่งผลของการตรวจที่ได้ สามารถแสดงขนาด, รูปร่าง
และตำแหน่งของโรคได้ และจากข้อมูลที่ได้สามารถช่วยให้แพทย์เจาะเอา
ชิ้นเนื้อไปทำการตรวจดูเซลล์ของมะเร็งได้
ในการตรวจด้วย PET scans เขาจะใช้สารทึบแสง (dye) มีส่วนของน้ำตาล
เป็นหลัก และสามารถช่วยวินิจฉัยมะเร็งของปอดได้ มันสามารบอกได้ว่า
มะเร็งมีการแพร่กระจายไปไกลแค่ใด
โดยที่เซลล์มะเร็งจะดูดเอาสารทึบแสงดังกล่าวมากกว่าเซลล์ปกติ
และการศึกษาด้วย PET scans อาจดีกว่า CT scans ตรงที่มันสามารถบอก
ให้เราทราบว่า มะเร็งได้แพร่กระจายไปที่ใด
การตรวจสอบเสมหะเพื่อดูเซลล์ (cytology)
ทำให้เราบอกได้ว่า มะเร็งปอดที่เกิดขึ้นนั้น เป็นมะเร็งชนิดใด
(เซลล์ใหญ่ หรือเซลล์ขนาดเล็ก)
นอกจากนั้น แพทย์อาจใช้วิธีการตรวจอย่างอื่นๆ
เพื่อวินิจฉัย Large cell lung cancer เช่น:
§ Thorcentesis: แพทย์จะใช้เข็มดูดเอาน้ำจากช่องระหว่างปด และทรวงอก
นำเอาน้ำดังกล่าวไปทำการตรวจเซลล์มะเร็ง และเราจะนำวิธีนี้มาใช้เมื่อตรวจพบว่า
มีน้ำอยู่ในช่องปอดดังกล่าวเท่านั้น
§ Mdiastinoscopy: เป็นวิธีการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะตัดเอาต่อมน้ำเหลืองจาก
ปอด โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดด้วยแลเล็กๆ ที่บริเวณด้านหน้าของส่วนล่างของคอ
จากนั้น แพทย์ทางพยาธิจะเป็นคนตรวจดูเซลล์...
§ Needle biopsy: เป็นหน้าที่ของแพทย์จะทำการเอาชิ้นเนื้อจากบริเวณที่
สงสัยมาทำการตรวจ โดยการใช้เข็มขนาดเล็กเจาะเอาชิ้นเนื้อจากปอด
หรือเจาเอาชิ้นเนื้อจากที่อื่นที่คิดว่า มะเร็งได้กระจายไป...
§ Broncholscopy: ในการตรวจด้วยวิธีนี้ แพทย์จะใช้กล้องขนาดเล็กที่ติด
ในบริเวณท่อ ซึ่งสามารถงอดพับได้ตามต้องการ โดยแพทย์จะทำการสอดท่อ
เข้าทางปากเข้าสู่ปอด เมื่อปลายของท่อสอดเข้าถึงตำแหน่งที่ต้องการ แพทย์
สามารถดูเนื้องอกได้โดยตรง และสามารถเจาะเอาชิ้นเนื้อไปทำการตรวจได้
§ Video assisted thoracoscopic surgery (VATS): สำหรับวิธีการนี้
แพทย์จะใช้กล้องที่ติดปลายท่อที่งอพับได้ (flexible tube) แต่วิธีการนี้จะกระทำ
โดยสอดท่อเข้าทรวงอกผ่านแผลที่ทรวงอกโดยตรง
ซึ่งแพทย์สามารถมองเข้าไปยังตัวปอด และสามารถตัดเอาชิ้นเนื้อมาทำการตรวจได้
§ Surgery: บางที วิธีการที่ดีที่สุด คือการผ่าตัดเอาเนื้องอกออกมา
ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันบ่อย เมื่อจากการตรวจทำ CT scans และไม่มีหลักฐาน
ยืนยันว่า มะเร็งได้กระจายไปที่อื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น