เมื่อกล่าวถึงอาการปวดศีรษะผู้ชาย อาจเป็นเรื่องแปลกสักหน่อย
เพราะเราจะไม่คอยได้พบเห็นกันมากนัก
แต่หากมันเกิดขึ้น อาการปวดศีรษะอาจเป็นปัญหาใหญ่ก็ได้
ลองมาดูซิว่า โรคปวดศีรษะผู้ชายเกิดได้กี่ชนิดกันแน่...ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว
เราพบว่า อาการปวดศีรษะซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตนั้น
เขาสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ด้วยการซื้อยาจากร้านขายยาได้
โดยไม่จำเป็นต้องพึงพาแพทย์เลย
ชนิดต่างของโรคปวดศีรษะ (Types of Headches)
ปวดศีรษะจากความเครียด (Tension Headache)
เป็นชนิดของการปวดศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุด โดยมีอาการรุนแรงจากน้อยไปหามาก
ผู้ชายบางราย อาจมีอาการปวดศีรษะรุนแรง บางรายมีอาการ 3 – 4 ครั้ง ต่ออาทิตย์
อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นนั้น จะมีลักษณะปวดตื้อ เหมือนถูกบีบรัดที่บริเวณกระหมับ
ทั้งสองข้าง มีลักษณะคล้ายกับกะโหลกศีรษะถูกอัดด้วยก้อนหินสองก้อน
นอกจากนั้น อาจมอาการปวดเมื่อยที่บริเวณไหล่ และคอ
บางราย อาการปวดจากความเครียดจะถูกกระตุ้นด้วยอาการเมื่อยล้า, ความเครียด
ทางอารมณ์ หรือมีปัญหาในกล้ามเนื้อต่างๆ ของกระดูกคอ และกระดูกกราม
ส่วนมากแล้ว อาการปวดจะสิ้นสุดลงประมาณ 20 นาที ถึง 1-2 ชั่วโมง
อาการปวดศีรษะดังกล่าว สามารถทำให้หายได้ด้วยยา acetaminophen, ibuprofen
การประคบด้วยความร้อน หรืออาบน้ำอุ่นอาจช่วยให้อาการดีขึ้น
หรือบาที เพียงนอนงีบสักพักอาการอาจดีขึ้นได้
ถ้าท่านมีอาการปวดศีรษะด้วยชนิดดังกล่าว...
ให้พยายามหาต้นเหตุที่ทำให้เกิด และหลีกเลี่ยงเสีย
อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องเหนื่อยล้าจากการทำงาน
การเรียนรู้วิธีผ่อนคลายด้วยกรรมวิธีต่างๆ สามารถช่วยได้
หากไม่หายจากการปวดศีรษะด้วยชนิดดังกล่าว...
แพทย์อาจสั่งยาที่อาจฤทธิ์นานให้แก่ท่าน หรืออาจให้ยากลุ่ม tricyclic antidepressants
ให้แก่ท่าน ซึ่งสามารถป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นได้บ่อย
Migraines:
ปวดศีรษะชนิด migraines ซึ่งเกิดในผู้ชายพบได้ไม่บ่อยนัก
แต่หากมันเกิดขึ้นแล้ว มักจะมีอาการรุนแรงมากเสียด้วย
ภายในช่วงเวลาหนึ่งปี มีการรายงานเอาไวว่า มีผู้ชายเพียง 6 %
จะมีอาการปวดศีรษะ migraines อย่าน้อยหนึ่งครั้ง
10/13/12
ผู้เชี่ยวชาญทางสมองเชื่อว่า ปวดศีรษะไม่เกรนเกิดจากการเปลี่ยนในการไหลเวียน
ผู้เชี่ยวชาญทางสมองเชื่อว่า ปวดศีรษะไม่เกรนเกิดจากการเปลี่ยนในการไหลเวียน
ของเลือดภายในสมอง และมีการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเซลล์สมอง
ความผิดปกติในพันธุกรรมอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง มีประมาณ 70 % ของคนปวดไมเกรน
อย่างน้อยจะมีเครือญาติที่ใกล้ชิดมีปัญหาดังกล่าว
แม้ว่าปวดศีรษะไมเกรนสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า
มันเกิดขึ้นโดยถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยบางอย่าง ส่วนใหญ่จะถูกกระตุ้นโดย
§ เกิดขึ้นในช่วงสับเปลี่ยนฤดูกาล เช่นจากในช่วงมีความชื้นสูง
หรือช่วงฤดูร้อน
§ อดหลับอดนอน หรือนอนหลับมากเกิน
§ เหมื่อยล้า
§ มีอารมณ์เครียด
§ สัมผัสกับแสงจ้า หรือไกระพริบ, หรือเสียงดัง หรือรสจัด
§ มันอาจถูกกระตุ้นโดยอาหาร เช่น อดอาหาร, ดื่มอแลกอฮอลล์,
หรือดื่มกาแฟ
ลักษณะของอาการปวดหัวไมเกรน ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีลักษณะเต้นตุบๆ
เหมือนการเต้นของชีพจร ซึ่งมักปรากฏที่บริเวณกระหมับ
หรือบางทีปวดตรงบริเวณใจกลางลูกตา
ปวดหัวไมเกรน ส่วนมากจะเริ่มเกิดในตอนเย็น หรือในระหว่างนอนหลับพักผ่อน
แต่ในบางคน จะเกิดตามหลังอาการเมื่อยล้า, ซึมเศร้า หรือมอาการหงุดหงิด...
มีประมาณ 20 % จะเริ่มปรากฏอาการนำ (Aura) เช่น เห็นแสงวูบวาบ, สายตา
เกิดมืดมัวชั่วขณะ หรือเห็นแสงสีรุ้งอะไรทำนองนั้น
อาการดังกล่าว มักทำให้คนไข้เกิดความรู้สึกมีนชา หรือรู้สึกเสียวซ่าน
ที่ด้านใดด้านหนึ่งของรางกาย (เช่น บริเวณใบหน้า และมือ)
นอกจากนั้น คนที่เกิดอาการปวดหัวไมเกรน มักจะมีอาการคลื่นไส้ หลายคนมี
น้ำตาไหล ขี้มูกไหล ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่า เป็นการปวดหัวจากโรคไซนัส
ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการปวดหัวอาจกินเวลายาวนาน
อาจกินเวลา 4 ถึง 24 ชั่วโมงได้...
แค่ 4 ชั่วโมง ก็นับว่าสาหัสสากรรจ์แล้ว หากปล่อยทิ้งไว้นาน
คงทุกข์ทรมานน่าดู ดังนั้น การรักษาได้เร็วย่อมเป็นสิ่งที่ควรกระทำให้ได้
ถ้าเราสามารถรู้ได้ว่า มันเป็นโรคไมเกรนได้ตั้งแต่ระยะแรกๆ..ซ.
แค่ยา พาราเซท..หรือ ibuprofen.ก็สามารถควบคุมปวดหัวไมเกรนได้
หรืออาจใช้ยาที่มีส่วนระหว่างยาแกปวดกับพวก caffeine ก็สามารถช่วยได้
ในกรณีที่มีอาการรุนแรง แพทย์จะเปลี่ยนเป็นยา Triptans
ซึ่งมีในรูปยาเม็ด ยาพ่น หรือฉีด โดยที่คนไข้สามารถฉีดให้ตนเองได้
Triptans จัดเป็นยาที่ดี สามารถลดอาการปวดหัวไมเกรนในคนไข้จำนวน 70 %
ได้ภายในสองชั่วโมง
ผลเสียของยา triptans ก็มีได้เช่นกัน โดยที่ยาตัวนี้มีผลกระทบต่อการไหลเวียน
ของเลือดสู่หัวใจ และสู่สมอง ดังนั้น ในคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
หรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ไม่ควรใช้ยาตัวดังกล่าว
นอกเหนือจากนั้น ยาตัวนี้ไม่ควรใช้ร่วมกับยา SSRI (antidepressants)
ในกรณีที่เกิดมีอาการปวดหัวไมเกรนบ่อย เช่น 2 – 3 ครั้งต่ออาทิตย์...
ในกรณีเช่นนี้ ควรพิจารณาให้ยาป้องกันเอาไว้
ยาที่ผลดี คือยาในกลุ่ม beta blockers, ยาในกลุ่ม antidepressanats บางตัว และ
ยาในกลุ่มรักษาโรคชัก (anti-seizures medication)
การที่ท่านจะใช้ยาตัวใด ย่อมขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สุขภาพโดยรวมของท่าน
และท่านอาจจำเป็นต้องลองใช้ยาหลายขนานดู หรือใช้ยาหลายตัวร่วมกัน
และคนไข้บางคนอาจได้รับประโยชน์จากการพบผู้เชี่ยวชาญ
ซึ่งมีประสบการณ์ในการรักษาอาการปวดศีรษะเป็นการเฉพาะ
อ่านต่อ >>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น