วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Grapefruit and Medications---ควรระวังเอาไว้ไม่เสียหลาย

10/14/12

ในยุคปัจจุบัน  เราจะเห็นเภสัชกรใช้คอมฯ ติดตามการใช้ยา....
ทำการตรวจสอบปฏิกิริยาต่างๆ  ที่เกิดขึ้นกับคนไข้  ตลอดรวมถึงการเตือนให้คนไข้
อย่าได้รับประทานยาพร้อมกับดื่มแอลกอฮอลล์
นอกจากนั้น  เภสัชกรยังแนะนำให้ท่านรับทานยาพร้อมกับอาหาร 
หรือรับทานยาในระหว่างท้องว่าง  ตลอดรวมถึงการรับประทานอาหารบางอย่าง
กับยาบางชนิด  ซึ่งอาจมีปฏิกิริยาต่อกันได้...

Grapefruit  and  Meducations
 
Grapefruit juice และ  Grape  Juice  ออกเสียงคล้ายกัน
ทำให้ผู้เขียนตกม้าตาย  ด้วยการเข้าใจผิดไปว่า  Grapefruit เป็นองุ่น
โชคดีที่ได้รับความกรุณาจากท่านผู้รู้ท่านหนึ่งได้เตือนมา 
ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูง  

Grapefruit  


เป็นผลไม้ในสกุล Citrus  นอกจากมีประโยชน์ในด้านโภชนาการแล้ว โดย มี  Vitamin C  สูง  ให้ potassium, ให้สารใยอาหาร 
และธาตุอาหารอย่างอื่น ๆ  สำหรับป้องกันโรคหัวใจ


Grapefruit juice เป็นเครื่องดื่ม ที่ชาวอเมริกันนิยมดื่มเป็นประจำ 
มีการประมาณการว่า  21 %  ของครัวเรือนในอเมริกาจะซื้อน้ำดื่มดังกล่าว
ไว้ประจำบ้าน  และมีประมาณ  14 % ของชายในบ้านจะนิยมดื่มน้ำดังกล่าว 

ใน Grapefruit  นอกจากจะเป็นสิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว 
มีด้านลบของ grapefruit ก็มีด้วยเช่นกัน  นั้นคือ มันสามารถทำปฏิกิริยากับ
ยาหลายสิบตัว  เมื่อเกิดปฏิกิริยาขึ้นแล้ว  อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สารที่รับผิดชอบต่อการทำให้เกิดความผิดปกติ
แพทย์ไม่ค่อยจะแน่ใจนักว่า  สารเคมีใน grapefruit ซึ่งมีจำนวนมากมาย
นั้น  สารตัวไหนที่มีลกระทบต่อกระบวนการของร่างกายต่อยาที่มนุษย์รับทานไป
ตัวที่เด่นที่สุด  คือ Furnocoumarin  โดยที่สารตัวนี้สามารถพบได้ในผลส้ม
บางชนิด  เช่น   Seville oranges  และ tangles ซึ่งพบได้ในต่างประเทศทั้งนั้น


สาร Furanocoumarin  จะไม่ทำปฏิกิริยาโดยตรงกับยา  แต่มันจะรวมตัวกับ
เอ็นไซม์ CYP 4A4  ที่อยู่ในลำไส้เล็ก   ซึ่งเอ็นไซม์ตัวดังกล่าวจะทำหน้าที่
ลดการดูดซึมเอายาบางตัวไม่ให้เข้าสู่กระแสเลือด

  
ดังนั้นเมื่อเรารับทานน้ำ grapefruit  เข้าไป  สาร Furanocoumarin 
จะไปบล็อกการทำงานของเอ็นไซม์ตัวดังกล่าว  เป็นเหตุให้ยารักษาที่คนเรา
รับทานเข้าไป  สามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่ายขึ้น 
ทำให้ระดับของยาในกระแสเลือดสูงเร็วขึ้น  และมีปริมาณความเข้มข้นสูงกว่าปกติ   
ซึ่งในบางราย  สามารถก่อให้เกิดอันตรายที่รุนแรงได้

ยาที่ถูกกระทบโดย  grapefruit

Grapefruit juice สามารถส่งเสริมฤทธิ์ของยาหลายตัวในระดับที่แตกต่างกัน 
ด้วยการทำให้ยาในกระแสเลือดเพิ่มขึ้น  ซึงจะก่อให้เกิดอันตรายให้แก่คนไข้ได้
เช่น:

Calcium Channel blockers: 
ยาในกลุ่มนี้ใช้สำหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูง
ได้แก่  Felodipine, Verapmil, Diltiazem, Amlodipine (Norvasc)และ  Nifedipine
(Adalat)

Statins: 
เป็นยาสำหรับรักษาระดับไขมันสูง (cholesterol)  ได้แก่: Atorvastatin
(Lipitor);  Simvastatin (Zocor);  Lovastatin (Mevacor);  Fluvastatin (Lescol);
Pravastatin (Pravachol);  Rosuvastatin(Crestor);  Pitavatatin (Livalo)

Immunosuppressants:
เป็นยาที่ถูกนำไปใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะ  เช่น  Cyclosporine (Sandimmune)

Benzodiepines: (ยาที่ใช้ใน anxiety, insomnia)
ยาในกลุ่มนี้ได้แก่  Diazepam (Valium); Triazolam(Halcion); Midazolam (Versed);
Flurezapm(Damane); Clonazepam (Klonapin)

Neurological and Psychiatric:
 เป็นยาที่ใช้รักษาคนไข้ที่มีอาการเครียด (anxiety)
และ  Insomnia   ซึ่งได้แก่  Buspirone (Buspar); Sertraline (Zoloft); 
Carbamazepine (Tegretol); Haloperidol (Hadol); Trazodone (Deseril);
Zolpidem (Ambien)

ในบางคน sensitive มาก  เมื่อดื่ม grapefruit juice ร่วมกับยาบางชนิด  สามารถทำให้
ระดับของยาในกระแสเลือดสูงกว่าปกติได้  เพียงหนึ่งแก้ว 
สามารถลดการทำงานของเอ็นไซม์ลงได้ถึง 47 %

Grapefruit juice  ซึ่งมีสาร  furanocoumarin  อาจเพิ่มระดับของยาสำหรับใช้
รักษาอวัยวะไม่แข็งตัว (erectile dysfunction) ได้  เช่น  Sidenafil (Viagra),  tadalfil (Cialis)  และ Vardenafil (Levitra)

โดยสรุป  grapefruit juice เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์  หากดื่มพร้อมกับยาบางอย่าง
จะมีผลกระทบต่อการดูดซึมของยาทางลำไส้ได้    เป็นเหตุให้ความเข้มของยาในกระแสเลือดสูงขึ้น  และอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้


http://www.intelihealth.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น