วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Hepatitis B virus : เมื่อเลือดของเธอมีไวรัสตับอักเสบ B (5)

Aug. 24, 2013

Hepatitis B Treatment:


โดยทั่วไป    คนที่เป็นไวรัสตับอักเสบชนิดเฉียบพลัน (acute hepatiti B)

ไม่จำเป็นต้องรับการรักษา   เพราะ 95 % ของคนวัยผู้ใหญ่นั้น  พบว่า
ระบบภูมิคุ้มกันของเขา จะควบคุมการอักเสบจากไวรัสตัวดังกล่าวได้
และสามารถกำจัดเชื้อไวรัได้ภายใน 6 เดือน

สำหรับคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B ชนิดเรื้อรัง...

ได้มีการแนะนำให้ใช้ยาต่อต้านเชื้อไวรัส (antiviral medication)
ซึ่งสามารถลดเชื้อ... หรือทำให้ตับฟื้นสู่สภาพเดิม   และป้องกันไม่ให้เกิด
ภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว (long term complecation of Hepatitis B)

Antiviral therapy:


มียาหลายตัวที่อยู่ในกลุ่ม antiviral medicines

ซึ่งถูกนำมาใช้รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ B  แต่ไม่ได้หมายความว่า
ทุกคนที่เป็นตรวจพบเชือไวรัสตับอักเสบ B  จะต้องได้รับการรักษาทันที

ในกรณีที่ท่านไม่ได้รับการรักษาด้วยยาทันที...

ท่านจำเป็นต้องได้รับการตรวจดูให้รู้ว่า  เมื่อใดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B 
มีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งหมายความว่า 
 ท่านจะต้องได้รับยาต้านเชื้อไวรัส (antiviral treatment) ทันที

และเมื่อท่านเริ่มให้การรักษาด้วยยา “ต้านเชื้อไวรัส”...

ท่านจำเป็นต้องได้รับการตรวจเลือด   เพื่อจะได้ทราบว่า  การรักษาที่ได้รับ
ดีขึ้นหรือไม่   รวมไปถึงอาการแพ้ (side effect)   หรือการดื้อยา (resistance)
และการตรวจสอบดังกล่าว  จะต้องกระทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดการ
รักษา เพื่อตรวจสอบว่า  การอักเสบไม่กลับเป็นขึ้นอีก

ยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบ B ที่เราควรทำความเข้าใจ มี 6 ตัว ดังนี้:


 Lamivudine:


Lumivudine (Epivir-HBV®)  เป็นยา  ที่มีประสิทธิภาพในการลดฤทธิ์

เชื้อไวรัสตับอักเสบ B และการอักเสบของตับลง  เป็นนยาที่มีความปลอดภัย
ต่อคนที่เป็นโรคตับล้มเหลว (liver failure)
และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะตับล้มเหลว และไม่ให้เกิดมะเร็งตับ

Laminvudine จะใช้ในขนาด 100 mg/day เป็นยารับทาน

ปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาตัวนี้   ได้แก่คนไข้ที่เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อ
ไวรัสตับอักเสบ B มักจะมีแนวโน้มที่จะเกิดดื้อยาได้ โดยเฉพาะ
ในรายที่ใช้ยาเป็นเวลานาน

 Adefovir:


Adefovir (Hepsera®) เป็นยาที่ถูกเลือกใช้รักษาในตอนแรกเริ่มของ

การรักษาคนไข้ที่ตรวจพบไวรัสตับอักเสบ B ซึ่งเชื้อไวรัสมีฤทธิ์ใน
การทำลาย (activity) และมีการอักเสบของตับ

ความแตกต่างของยา adefovir และ lamivudine....

จะพบว่า การต่อต้านของเชื้อไวรัสตับ B ที่มีต่อยา adefovir
มีได้น้อยมาก หรือไม่น่าเกิด เมื่อเที่ยบกับการใช้ lamivudine
นอกจากนี้ ยา adefovir ยังสามารถยับยั้งเชื้อที่ดื้อยา lamivudine
ได้อีกด้วย

การใช้ยาตัวนี้ เป็นยาสำหรับรับทานด้วยขนาด 10 mg/day

โดยใช้ติดต่อกันนาน 1 ปี คนไข้ส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ยานาน เพื่อ
ควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบ B

Adefovir เป็นยาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์อ่อน (weak antiviral medicine)

และเชื้อไวรัสจะไม่ดื้อยา ส่วนยาตัวอื่นที่มีใช้ จะมีฤทธิ์แรงกว่ามาก

 Entecavir:


Entecavir (Baraclude®) จัดเป็นยาที่มีฤทธิ์แรงกว่ายา lamivudine

และ adefovir ในคนที่ไม่เคยได้รับยาต่อต้านเชื้อไวรัสมาก่อน
โอกาสที่เชื้อจะดื้อต่อยา entecavir นั้นมีน้อยมาก แต่หากเชื้อตัวนั้น
เคยดื้อต่อยา lamivudine มาก่อน...จะพบว่า เชื้อไวรัสมีแนวโน้มที่จะ
ดื้อต่อยา entecavir ได้ถึง 50 %

ขนาดของยา entecavir คือ 0.5 mg/day สำหรับคนที่ไม่เคยได้รับ

ยารักษามาก่อน และให้ 1.0 mg/day สำหรับรายที่ดื้อต่อการใช้ยา
Lamivudine

คนไข้ทุกรายที่เป็นไวรัสตัอกเสบ B จะต้องใช้ยาในระยะยาว เพื่อควบ

คุมเชื้อไวรัสตับอักเสบ B

 Tenofovir:


Tenofovir (Viread®) เป็นยาที่มีฤทธิ์แรงกว่า adefovir เป็นยาที่ใช้

ได้ผลดีต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ B  โดยที่เชื้อดังกล่าวไม่ดื้อต่อยาตัวนี้
เป็นยารับทานขนาด 300 mg ต่อวัน  สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบ B
ซึ่งดื้อต่อยา lamivudine, telbivudine  หรือ entecavir
แต่จะไม่มีผลต่อรายที่ดื้อต่อยา adefovir เลย

 Telbivudine:


Telbivudine (Tyzeka®) ...ยาตัวนี้จะมีฤทิ์มากกว่า lamivudine

และ adefovir การใช้ยาตัวนี้รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ B มีโอกาสดื้อยาได้เสมอ 
และในรายที่ดื้อต่อการใช้ยา lamivudine มักจะดื้อต่อการใช้ยา telbivudine เช่นกัน

ยาตัวนี้ ใช้รับทานด้วยขนาด 600 mg ต่อวัน

โดยโอกาสเกิดดื้อยาได้น้อยมาก

 Interferon-alpha:


Interferon-alpha เป็นยาที่เหมาะสำหรับนำมาใช่รักษาคนที่เป็น

โรคไวรัสตับอักเสบ B   ผู้ซึ่งถูกตรวจพบว่า  เชื้อไวรัสอยู่ในระดับที่
จะก่อให้เกิดอันตราย (virus activity),  มีการอักเสบของตับ,   และ
ไม่เกิดภาวะตับแข็ง (no cirrhosis)

เราจะพบว่า ทั้ง conventional interferon และ pegylated interferon

ต่างได้รับการยอมรับจากองกค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา

สาร Interferon-alpha  อาจเป็นยาที่เหมาะสมกับคนหนุ่ม 

โดยเป็นไวรัสตับอักเสบ B   ซึ่งโรคยังไม่พัฒนึงขั้นสุดท้าย (advaced liver disease)
ซึ่งไม่ปราถนาที่จะรักษาเป็นเวลานาน

แต่สารตัวนี้จะไม่เหมาะที่จะใช้ในรายเป็นโรคตับแข็ง (cirrhosis) 

หรือในรายที่เกิดมีตับอักเสบเกิดซ้ำขึ้นอีกเมื่อมีการผ่าตัดเปลี่ยนตับ

การให้สาร interferon จะให้ในเวลาอันจำกัดเท่านั้น...

สำหรับสาร Pegylated interferon เป็นยาที่ออกฤทธิ์ยาว
โดยให้อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง  ติดต่อกันนานสถึงหนึ่งปี
ซึ่งจะแตกต่างจากการรักษาตับอักเสบด้วยวิธีอื่น ๆ
โดยรับทานเป็นเวลาหลายปีจนกว่าอาการจะดีขึ้น

ในขณะนี้ยังไม่มีรายงานด้านการดื้อยาของเชื้อไวรัสต่อสาร interferon

และผลเสียที่เกิดจากการใช้ยาตัวนี้ คือ ต้องฉีดเพียงอย่างเดียว
และอาจเกิดผลข่างเคียงได้

<< Prev    Next >>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น