วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Diabetic neuropathy : Treatment 4

Feb. 17, 2013

การักษา (Treatment)


ขั้นตอนแรกของการรักษาภาวะเส้นประสาทถูกทำลายด้วยโรคเบาหวาน  
คือการทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดลดต่ำลงสู่ระดับปกติ  
เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เส้นประสาทถูกทำลายเพิ่มขึ้นไปอีก

ในการควบคุมระดับน้ำตาล...
จะประกอบด้วยการตรวจวัดระดับน้ำตาล, วางแผนการรับประทานอาหาร,  
ออกกำลังกาย และรับประทาน,   ยาเม็ดลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด 
หรือใช้ยาฉีดอินซูลิน  ซึ่งจะช่วยทำให้ระดับน้ำตาลลดสู่ระดับปกติได้



ในขณะที่ลดระดับน้ำตาลลงสู่ระดับปกติ...
อาการเส้นประสาทถูกทำลายอาจเลวลงได้  แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป
หากเราสามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติได้ 
อาการของเส้นประสาทที่ถูกทำลายอาจดีขึ้นได้

การควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ 
ย่อมสามารถป้องกัน  หรือชะลอไม่ให้เกิดเส้นประสาทอักเสบ-ถูกทำลายได้ 
เมื่อเราสามารถทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดเส้นประสาทอักเสบ 
การรักษาใหม่ ๆ อาจช่วยป้องกันไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้น 

การละงับความเจ็บปวด (Pain Relief)
ในการรักษาอาการปวดที่มีต้นเหตุจากเส้นประสาทถูกทำลาย 
ส่วนมากแพทย์เขาจะให้ยาเม็ดรับประทาน
 
ในรายที่มีอาการปวดประสาทอย่างรุนแรง...
อาจได้ประโยชน์จากการใช้ยาหลายตัวร่วมกัน


ยาที่ถูกนำมาใช้ในการลดความเจ็บปวดจากเส้นประสาทอักเสบจากโรค
เบาหวาน  ประกอบด้วย:


o   Tricyclic anti-depressants: ยาในกลุ่มนี้ได้แก่  amitriptyline,   imipramine และ desipramine (Norpramin,Pertofrane)
นอกเหนือจากสองตัวนี้แล้ว  ยังมียา antidepressants
ตัวอื่น ๆ   ที่ถูกนำมาใช้รักษาโรคดังกล่าวด้วยเช่นกัน 
เช่น duloxetine,  Venlafaxine, bupropion, paroxetine และ citalopram

o   Anti-convulansts: ยาในกลุ่มนี้  ถูกนำมาใช้รักษาโรคปวดประสาท  ได้แก่  gabapentin (Neurontin), carbamazepine  และ lamotrigine (Lamictal)

o   Opioids and opiod-like drugs: เช่น  oxycodone, an opioid;  และ tramadol


ยา Duloxetine และ pregabalin ได้รับการรับรองจาก FDA ให้ใช้รักษา
อาการปวดจากเส้นประสาทส่วนปลายถูกทำลายจากโรคเบาหวานได้
(diabetic peripheral neuropathy)


คนไข้ที่มีอาการปวดประสาทถูกทำลาย ไม่จำเป็นต้องมีอาการซึมเศร้าเลย
แต่การใช้ยารักษาอาการซึมเศร้า (antidepressants) สามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดลงได้

อย่างไรก็ตาม  ยาทุกชนิดต่างมีผลข้างเคียงด้วยเสมอ 
ยาบางตัวไม่แนะนำให้ใช้ในคนสูงอายุ  หรือคนที่มีโรคหัวใจ

สำหรับยาแก้ปวดที่มีขายในท้องตลาด (over-the-counter)  เช่น “พาราเซท...”
และ ibuprofen อาจไม่มีประโยชน์ต่อการรักษาอาการจากประสาทถูกลาย
และบางทีอาจมีผลข้างเคียงรุนแรง  บางคนไม่แนะนำให้ใช้ยาดังกล่าว

 ปัญหาที่เกิดกับระบบกระเพาะ-ลำไส้
(Gastrointestinal Problems)

คนไข้มีอาการที่เกิดจากภาวะกล้ามเนื้อกระเพาะอ่อนแรง (gastroparesis)
โดยเฉพาะอาการไม่มากนัก  คนไข้จะมีอาการอาหารไม่ย่อย,  เรอ, คลื่นไส้, อาเจียน

เพื่อลดอาการดังกล่าว  สามารถกระทำได้ด้วยการรับประทานอาหารในปริมาณน้อย,
รับประทานบ่อยๆ, หลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นมัน  และรับประทานอาหารที่เป็นสารใยน้อยลง
แพทย์อาจสั่งยา erythromycin  และให้ยา  metoclopramine
ซึ่งสามารถช่วยย่อยอาหาร และช่วยลดอาการคลื่นไส้
แต่ต้องระวังผลข้างเคียงให้ดี....

นอกจากนั้น  อาจมียาอย่างอื่น  ที่สามารถช่วยควบคุมการย่อยอาหาร 
หรือลดกรดในกระเพาะอาหาร
ในกรณีที่เกิดมีอาการท้องร่วง หรือปัญหาทางลำไส้อย่างอื่น...
แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะ เช่น tetracycline หรือยาตัวอื่นๆ ที่เหมาะสมอ

อาการวิงเวียน และกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Dizziness and Weakness)
เมื่อท่านเกิดมีอาการวิงเวียน  วิธีแก้   คือให้ลุกนั่ง หรือยืนอย่างช้าๆเพราะหากลุกขึ้นเร็ว 
จะทำให้การไหลเวียนของเลือดไปสู่สมองไม่เพียงพอกับความต้องการ 
จึงเป็นเหตุให้เกิดอาการวิงเวียนขึ้น

การรักษาทางกายภาพบำบัดจะช่วยคนไข้ที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง
และสูญเสียความสมดุล


 Urinary and Sexual Problems
เพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบขับถ่ายปัสสาวะ...
ในกรณีเกิดการอักเสบ   แพทย์จะแนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ 
เพื่อเป็นการชะล้างเอาของเสียออกทิ้งไป  พร้อมกับให้ยาปฏิชีวนะ
ทำลายเชื้อโรคให้หมดไป

ในกรณีที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายปัสสาวะ....
ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้  เช่นมีการปัสสาวะเล็ด, 
ปัสสาวะไม่หมด, ปัสสาวะบ่อย...
 
ท่านสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการกำหนดการถ่ายทุก  3 ชั่วโมง
เพราะคนที่เป็นเบาหวานมักจะไม่สามารถบอกได้ว่า
กระเพาะปัสสาวะมีปัสสาวะเต็มเมื่อใด  ดังนั้น  การฝึกหัดให้เป็นนิสัย
โดยให้มีการถ่ายปัสสาวะทุก 3 ชม  ย่อมสามารถแก้ปัญหาได้

สำหรับกรณีหมดสภาพทางเพศในชาย (erectile dysfunction)
แพทย์อาจทำการตรวจหาสาเหตุอย่างอื่น  ซึ่งอาจมีปัญหานอกเหนือจากโรคเบาหวาน

ในการรักษาภาวะไร้สมรรถภาพทางเพศที่เกิดจากเส้นประสาทถูกทำลาย
เรามีวิธีการรักษาหลายวิธีด้วยกัน

โดยเริ่มตั้งแต่การใช้ยารักษา...
มียารักษาหลายขนาน  ที่สามารถทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวได้นานขึ้น 
ด้วยการทำให้จำนวนเลือดไหลเวียนสู่อวัยวะเพศได้มากขึ้น
ซึ่งอาจเป็นยาเม็ดรับประทาน  หรือเป็นชนิดที่สอดเข้าทางปลายอวัยวะเพศ
(urethra)

เพื่อเป็นการส่งเสริมให้อวัยวะเพศของท่านชายแข็งตัว...
หากท่านไม่สามารถใช้ยาด้วยเหตุใดก็ตาม  เขามีอุปกรณ์ที่ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว
ด้วยการใช้เครื่องปั้มเลือด เรียกว่า mechanical vacuum ก็สามารถทำให้เลือดไหล
สู่อวัยวะเพศเพิ่มขึ้น  ทำให้อวัยวะเพศแข้งตัวได้

ถ้าท่านไม่ชอบ  ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งให้ลองพิจารณา
นั่นคือการผ่าตัดใส่อุปกรณ์  ซึ่งทำด้วยวัสดุกึ่งแข็ง (semi-rigid)  โดยฝังไว้ใน
อวัยวะเพศนั้นซะเลย  ให้ท่านพร้อมที่จะใช้งานได้ตามอัธยาสัย

สำหรับสตรี...จะไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าท่าน...ชาย 
อย่างมากก็แค่ใช้เครื่องหล่อลื่นช่องคลอดเท่านั้น....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น