วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Raising Your HDL Levels

Feb. 08,2013


 

ในคนเป็นเบาหวาน....

พบว่า ประมาณสองในสามของคนเป็นโรคเบาหวานจะมีความดันโลหิตสูง

 

และความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้น สามารถควบคุมด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

เช่น  การเปลี่ยนแปลงเรื่องอาหารการกิน,  ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

และรับประทานยาเม็ดลดความดัน (medications) ตามแพทย์สั่ง

 

ในการดูแลตนเอง...

คือการควบคุมระดับความดันให้อยู่ระดับปกติ

เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการรักษา  มันจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด

ภาวะหัวใจถูกทำลาย (heart attack), มีปัญหาเรื่องตา (eye problem),

และเกิดโรคไต (kidney disease)

 

ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว...

คนเป็นโรคเบาหวาน  สองในสามคนมีโอกาสเป็นโรคความดันสูงได้

ดังนั้น  เมื่อท่านเป็นโรคเบาหวานก็อย่าละเลยต่อการตรวจเช็คดูระดับความ

ดันโลหิตของท่านอย่างสม่ำเสมอ  หากท่านตรวจพบว่า  ความดันโลหิต

ของท่านสูงกว่าปก  ท่านจะได้จัดการรักษา  เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด

ภาวะแทรกซ้อน  หรือชะลอปัญหาของโรคเปาหวาน

 

What is high blood pressure?

เมื่อเรากล่าวถึงความดันโลหิต...

เราหมายถึงแรงดันที่เกิดจากกระแสของเลือดไหลผ่านเส้นเลือด

เมื่อท่านไปโรงพยาบาล  แพทย์ทำการตรวจความดัน

แล้วบอกว่า  ความดันของท่านเป็น  130/ 80 mm Hg

 

ตัวเลขทั้งสองต่างมีความสำคัญ  ตัวบน 130 เป็นความดันที่เกิด

จากหัวใจเกิดการบีบตัว  และดันเลือดให้ไหลผ่านเส้นเลือดไป

แพทย์เราเรียกว่า  systolic blood pressure

 

ส่วนเลขตัวล่าง  80 เป็นความดันที่เกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดคลายตัว

ระหว่างการบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ

แพทย์เขาเรียกว่า diastolic blood pressure

 

เมื่อเลือดจากหัวใจถูกแรงขับเคลื่อนด้วยความดันสูงเกินไป...

จะเป็นเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น  พร้อมๆ กับทำให้หัวใจทำงานหนักด้วย

ไม่แต่เท่านั้น  ความดันโลหิตสูงยังทำโรคเบาหวานเกิดมีปัญหาเพิ่มขึ้น

ความดันโลหิตสูง  เมื่อเกิดขึ้นมันจะไม่หายไปไหน

จำเป็นจะต้องได้รับการรักษา


What is the recommended target for blood pressure?


 

ความเป็นจริงมีว่า...

ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด

ภาวะหัวใจขาดเลือด (heart attack), สมองถูกทำลาย (stroke),

โรคเกี่ยวกับตา (eye problems) และเป็นโรคไต

(kidney disease)

 

ระดับความดันโลหิตที่ควรเป็น (ideal) คือ   120/80 mm Hg

ใครก็ตามที่มีความดันมากกว่า 140 mm Hg…

จะต้องจัดการกับระดับความดันที่สูงทันที 

 

How do I know if I have high blood pressure?

 

โดยทั่วไป  มีคนตั้งชื่อให้ความดันโลหิตสูงว่า  เป็น “ฆาตกร” เงียบ

โดยคนที่เป็นจะไม่รู้ตัวว่า ตนเองมีความดันโลหิตสูง  จนกระทั้งเขาได้

รับการตรวจสุขภาพ  และตรวจพบได้โดยบังเอิญ

และเพื่อความปลอดภัย  คนเราควรได้รับการตรวจสุขภาพอย่างน้อย

ปีละ  2 – 3 ครั้ง

 

How is it treated?

 

ในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง...

เราพบว่า  การรักษาในแต่ละคนจะแตกต่างกันไป...ต่างไม่เหมือนกัน

และเราจะพบว่า ทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (lifestyle changes)

และยารักษา (medications) สามารถควบคุมความดันโลหิสสูงได้

เพื่อความถูกต้อง  ท่านควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาว่า 

อะไรเหมาะสมสำหรับท่านที่สุด

 

Lifestyle changes

 

ใครว่า  การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่สำคัญ ?

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสามารถช่วยควบคุมระดับความดันสูง  ตลอด

รวมถึงช่วยลดระดับน้ำตาล และไขมัน (cholesterol) ในกระแสเลือดลง

อีกด้วย  และจากขั้นตอนที่จะนำเสนอต่อจากนี้  ท่านสามารถนำไป

ประยุกต์ใช้กับชีวิตของท่านได้ตามใจชอบ

การลดน้ำหนักตัว หรือขั้นตอนในการป้องกันไม่ให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น:

 

ท่านสามารถลดน้ำหนักตัว หรือปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อป้องกัน

ไม่ให้มีน้ำหนักเพิ่มได้:


§  ตัดปริมาณแคลอรี่ และอาหารประเภทไขมันลง
§  ให้พยายามออกแรงให้มากขึ้น และอย่างสม่ำเสมอ

การออกแรงเพิ่มขึ้น:

  

ให้ทำการตรวจสอบกับแพทย์ผู้ทำการรักษาท่าน

ว่า  ท่านควรออกแรงแบบใดจึงจะปลอดภัยสำหรับท่าน

ให้พยายามออกแรงด้วยการออกกำลังกาย  ชนิด “แอโรบิค”

อย่างน้อยวันละ  30 นาที แต่ถ้าท่านไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนเลย

ให้เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายวันละ 5 นาทีก่อน 

จากนั้นให้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ 


ให้ระวังเรื่องแอลกอฮอลให้มาก:


ถ้าท่านเป็นคนชอบดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอลมาก่อน...

ให้พยามจำกัดการดื่มของท่าน  โดยการลดเครื่องดื่มลงสำหรับสตรี่

ให้ลดลงเหลือเพียงดื่มเพียงหนึ่งแก้ว (เบียร์)  ส่วนชายให้เหลือเพียงสอง

 

เลิกสูบบุหรี่ :


ท่านสามารถพูดคุยกับแพทย์ของท่าน 

เพื่อช่วยให้ท่านเลิกสูบบุหรี่ให้ได้


ยารักษา (Medications) :


มียารักษาหลายขนาน  ถูกนำมาใช้ลดความดันโลหิตสูงแตละคนจะใช้

ยาลดความดันที่แตกต่างกัน  ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

และมีคนไข้จำนวนไม่น้อยรับประทานยามากกว่าหนึ่งขนาน

และการที่ท่านใดจะรับประทานยาชนิดไหน  ย่อมขึ้นกับความดันโลหิต

ของท่าน  และปัจจัยอย่างอื่น เช่น ราคาของยา เป็นต้น

  • ACE inhibitors
ยาในกลุ่มนี้สามารถลดระดับความดันโลหิตลงได้โดยการทำให้
ผนังเส้นเลือดเกิดการคลายตัว
ACE inhibitors ออกฤทธิ์ด้วยการป้องกันฮอร์โมนชื่อ angiotensin
ซึ่งถูกสร้างขึ้นภายในร่างกาย  โดยที่สารฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เส้น
เลือดเกิดการหดตัวแคบลง


นอกจากนั้น  เรายังพบอีกว่า  ยาในกลุ่มนี้ยังช่วยปกป้องไตไม่ให้ถูก
ทำลาย  และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการทำให้เกิดภาวะหัวใจ 
และสมองถูกทำลาย (heart attack & stroke) ได้อีกด้วย

  • ARBs
          ยาในกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ทำให้เส้นเลือดเปิดออก (open)  
          พร้อมกับให้ผนังเส้นเลือดเกิดการคลายตัว (relaxed) ช่วยทำให้
          ความดันโลหิตลดลง  และในขณะเดียวกัน 
          ยาในกลุ่มนี้จะช่วยปกป้องไตไม่ให้ถูกทำลายได้เช่นเดียวกับยากลุ่ม ACE
  • Beta blockers
          ยากลุ่มนี้สามารถทำให้ความดันลดลง  และทำให้หัวใจผ่อนคลาย (relax)  
         โดยการทำให้การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจช้าลง  และออกแรงน้อยลง  
          นอกจากนั้น  ยากลุ่มดังกล่าวยังช่วยไม่ให้หัวใจ และสมองถูกทำลาย 
          (heart attack & stroke) ได้อีกด้วย

·            Calcium channel blockers

            ยาในกลุ่มนี้จะทำให้ความดันโลหิตลดลงโดยการทำให้ผนังเส้นเลือดคลายตัว  
         ด้วยการ  ทำให้แคลเซี่ยมออกจากผนังเส้นเลือด และหัวใจ

·            Diuretics

        ยาในกลุ่มนี้  บางทีเราเรียกว่า  “water pill” ซึ่งทำหน้าที่กำจัดน้ำที่เกิน และ sodium ออกทิ้งไปทางปัสสาวะ

ยาลดความดันทั้งหลาย  ต่างมีผลข้างเคียง
หากเกิดแพ้ยาขึ้นมา  แพทย์ผู้ทำการรักษาท่านสามารถเปลี่ยนยาให้แก่ท่านได้...



http://www.diabetes.org/



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น