What is metabolic syndrome?
มันค่อนข้างจะเป็นคำใหม่ ซึ่งถูกนำมาใช้อธิบายถึงกลุ่มความผิดปกติของ
ร่างกายของคนเรา ที่บ่งบอกใหทราบถึงภัยอันตรายที่จะมีต่อโรคเบาหวาน,
โรคหัวใจ, ภาวะสมองถูกทำลายจากการขาดเลือด (stroke)
และโรคของระบบเส้นเลือดและหัวใจ (cardiovascular conditions)
การที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อฤทธิ์ของอินซูลิน (insulin resistance)
ถูกจัดเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานของภาวะ metabolic syndrome
โดยปกติ ตับอ่อน (pancreas) จะทำหน้าที่สร้าง “อินซูลิน” แล้วปล่อย
สู่กระแสเลือด ซึ่งจะทำหน้าที่ช่วยเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายใช้น้ำตาล
(glucose) ที่ได้จากอาหารที่รับประทาน ให้เป็นพลังงานต่อไป
ถ้าเซลล์ของร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน...
ย่อมทำให้เกิดมีน้ำตาลไหลเวียนในกระแสเลือดเพิ่มสูงขึ้น
มีบางคนมีพันธุกรรมที่มีแนวโน้มที่จะต่อต้านฤทธิ์ของ”อินซูลิน”
เมื่อเกิดร่วมกับความอ้วน (obesity) และมีวิถีชีวิตนั่งโต๊ะไม่ค้อยออก
กำลังกาย ย่อมมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะ metabolic syndrome ขึ้น
ซึ่งหมายความว่า เขาคนนั้นตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบา
หวาน, โรคในระบบหัวใจและเส้นเลือด เช่น โรคหัวใจ, โรคไต และ
ภาวะสมองถูกทำลาย (stroke)
Obesity
เราจะบอกว่าใครคนใดเป็นคนอ้วนก็ต่อเมื่อ เขาคนนั้นมี body mass index
(BMI) มีค่า 30 หรือมากกว่า โดยที่แพทย์หลายนายมีความรู้สึกว่า
การใช้ BMI จะมีความแม่นยำกว่าการใช้น้ำหนักตัว
การลด BMI แลการลดนำหนักตัวประมาณ 5 – 7 % สามารถลดความเสี่ยง
ต่อการเกิดโรคเบาหวานได้อย่างมีนัย...
การวัดความอ้วนอีกวิธีหนึ่ง คือการตรวจดูไขมันรอบหน้าท้อง
โดยทั่วไปสำหรับชายให้รอบเอว (waist circumference) 40 นิ้ว
และ 35 นิ้ว หรือมากกว่า สำหรับสตรี ให้ถือว่าเป็นข้อชี้บ่งว่า
มีความเสี่ยงต่อการเกิด metabolic syndrome
High Blood Pressure:
สำหรับความดันปกติจะต่ำกว่า 120/80 mm Hg
(ตาม National Heart, Blood and Lung Institute)
ถ้าความดันโลหิตอยู่ระหว่าง 120/80 และ 139/89 ถูกพิจารณา
เป็น pre-hypertesion และถูกจัดเป็นความดันโลหิตสูงเมื่อความดัน
โลหิตอ่านได้ 140/90 หรือสูงกว่า...
การลดความเค็มของอาหาร, ลดน้ำหนักตัว, รับยารักษาลดความดันโลหิต
สามารถทำให้ระดับความดันลดลงสูระดับปกติได้
An Elevated Fasting Blood Glucose:
ระดับน้ำตาลที่วัดได้ขณะท้องว่าง (FPG) จะช่วยชี้ให้ทราบว่า
ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดอยู่ที่ระดับใด
ค่าของ FBG ระหว่าง 70 mg/dL และ 100 mg/dL
ถือว่าเป็นระดับปกติ
ถ้าค่าของ FBG อยู่ระหว่าง 100 mg/dL และ 110 mg/dl
เป็นอาการแสดงของภาวะ metabolic syndrome
และในกรณีที่ระดับ FBG สูงจากระดับปกติ แต่ไม่สูงพอที่จะเป็นโรคเบาหวาน
นั่นคือมีค่า 126 mg/dl เราเรียกภาวะดังกล่าวว่า pre-diabetes
High Triglycerides:
Triglyceride เป็นไขมันชนิดหนึ่ง...
เมื่อคนเรารับประทานอาหาร ร่างกายจะใช้อาหารที่รับประทานทันทีตามที่
ร่างกายต้องการ และส่วนที่เหลือจะถูกสะสมเอาไว้ในรูปของ triglycerides
โดยมันจะเกาะตัวอยู่ตามเซลล์ไขมัน (fat cells) และมีบางส่วนไหลเวียนใน
กระแสเลือด ซึ่งเราสามารถตรวจวัดได้จากการตรวจทางห้องปฏิบัติการณ์
เมื่อใดที่ค่าของ triglyceride สูงถึง 150 mg/dl หรือสูงกว่า...
ถือว่าเป็นอาหารของ metabolic syndrome
Low HDLs (high density lipoproteins):
HDL cholesterol…..
ที่ถูกเรียกว่าเป็นไขมันดี (good cholesterol) เป็นเพราะมันสามารถกำจัด
ไขมันเลว LDLs (bad cholesterol) ออกจากกระแสเลือด
และเมื่อใดก็ตามที่ระดับของ KDL น้อยลง จะทำให้ไขมัน LDL cholesterol
แสดงความไม่ดีออกมาด้วยการทำให้เกิดคราบไขมันเกาะตามผนังเส้นเลือด
แดง เป็นเหตุให้หัวใจ และระบบเส้นเลือดทั้งหลายต้องทำงานหนักขึ้น
จากความเป็นจริงดังกล่าว...
จึงเป็นหนาที่ของเราเองที่จะต้องหมั่นสังเกตอาหารที่เรารับประทานว่า...
ไม่มีไขมัน (cholesterol) ให้หันไปรับประทานอาหารประเภทผัก, ผลไม้,
อาหารประเภทเม็ด (grains) ซึ่งช่วยทำให้ระดับ HDL cholesterol
ในกระแสเลือดสูงขึ้นได้
Metabolic syndrome….
ตามชื่อแล้ว มันไม่ได้เป็นโรคตามที่บางท่านเข้าใจกัน
และถูกประเมินค่าของความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดโรคในระบบหัวใจ
และเส้นเลือด และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานประเภทสอง
เมื่อมี โรคเบาหวาน และ metabolic syndrome ร่วมกันจะเพิ่มความเสี่ยง
โรคในระบบหัวใจและเส้นเลือด และสมองถูกทำลาย(stroke)
รับประทานที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ออกกำลังกายอย่าสม่ำเสมอ
การตระหนักรู้ว่า ระดับไขมันในเลือดสูง, ความดันโลหิต และน้ำหนักตัว
เป็นตัวปัจจัยสำคัญที่นำมาพิจารณาว่า
เราสามารถทำให้ metabolic Syndrome หายได้
นอกจากนั้น เรายังสามารถทำให้ตัวของเราไม่เป็นโรคเบาหวาน
หรือไม่เป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น