มีการตั้งคำถามว่า...
ทำไมคนเป็นโรคเบาหวานจึงมักจะมีอาการทางกระเพาะอาหารกัน ?
บางคนมีอาการจุกเสียดแน่นท้อง, คลื่นไส้ อาหารไม่ย่อย
บางรายมีอาการของกรดไหลย้อนกลับ น้ำหนักลด
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวด้วยความมั่นใจว่า...
มันเป็นภาวะแทรกซ้อนของคนเป็นโรคเบาหวานนั่นเอง
แพทย์เขาเรียกว่า “gastroparesis” (กล้ามเนื้อกระเพาะทำงานน้อยลง)
แพทย์เขาเรียกว่า “gastroparesis” (กล้ามเนื้อกระเพาะทำงานน้อยลง)
Gatroparesis คืออะไร ?
Gastroparesis เป็นโรคของกระเพาะอาหาร
ซึ่งมีต้นเหตุมาจากโรคเส้นประสาทของกระเพาะอาหารถูกทำลาย
(nerve damage) เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อกระเพาะอ่อนแรง
ทำให้ไม่สามารขับเคลื่อนาหารให้ผ่านไปยังส่วนต้นของลำไส้ (duodenum) ได้
จึงมีอาหารเหลือตกค้างในกระเพาะอาหาร
และทำให้เกิดอาการขึ้น
ทำให้ไม่สามารขับเคลื่อนาหารให้ผ่านไปยังส่วนต้นของลำไส้ (duodenum) ได้
จึงมีอาหารเหลือตกค้างในกระเพาะอาหาร
และทำให้เกิดอาการขึ้น
เส้นประสาทที่ถูกทำลาย
สามารถเกิดจากการมีน้ำตาลในกระแสเลือดสูง
สามารถเกิดจากการมีน้ำตาลในกระแสเลือดสูง
กว่าปกติเป็นเวลานาน บางคนเรียกว่า น้ำตาลเป็นพิษ
(glucose toxicity)
(glucose toxicity)
การเกิดภาวะอาหารไม่ย่อย หรือการมีอาหารตกค้าง
ในกระเพาะอาหาร ยิ่งทำให้การรักษาเบาหวานได้ยากขึ้น
ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วย “อินซูลิน”, ยาเม็ดลดระดับน้ำตาล, ควบคุมอาหาร,
หรือในรายที่เป็นมาก ๆ อาจให้อาหารผ่านทางสาย (feeding tube)
Gastroparesis เป็นความผิดปกติของกระเพาะ
หรือโรคกระเพาะ โดยกล้ามเนื้อกระเพาะทำงาน
น้อยลง ซึ่งเกิดขึ้นในคนเป็นเบาหวานทั้งประเภทหนึ่ง
น้อยลง ซึ่งเกิดขึ้นในคนเป็นเบาหวานทั้งประเภทหนึ่ง
และเบาหวานประเพทสอง เป็นเหตุให้กระเพาะอาหาร
ต้องเสียเวลาเพื่อทำให้อาหารผ่านสู่ลำไส้
เป็นเหตุให้มีอาหารเหลือตกค้างในกระเพาะอาหาร
ต้องเสียเวลาเพื่อทำให้อาหารผ่านสู่ลำไส้
เป็นเหตุให้มีอาหารเหลือตกค้างในกระเพาะอาหาร
ที่มีชื่อว่า “vagus nerve”
และถ้าหากเมื่อใดเส้นประสาทดังกล่าวถูกทำลาย หรือไม่ทำงานขึ้นมา
ย่อมมีผลกระทบต่อการทำงานของกระเพาะอาหาร และลำไส้
เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อของกระเพาะและลำไส้ทำงานได้ช้าลง
ทำให้อาหารตกค้างในกระเพาะอาหาร แลก่อให้เกิดอาการขึ้น
ลักษณะของเส้นประสาท vagus ถูกทำลายไป...
จะคล้ายกับเส้นประสาทชนิดอื่น ๆ ถูกทำลาย (neuropathy) ซึ่งเป็นผลมา
จากโรคเบาหวาน โดยการมีระดับน้ำตาลสูงในกระแสเลือดเป็นเวลานาน
และจากการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงนี้เอง ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง
เคมีในตัวเส้นประสาท และทำให้เส้นเลือดที่นำอาหาร
และออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเส้นประสาทถูกทำลายไป
อาการอของ gastroparesis
อาการ และอาการแสดงของภาวะ gastroparesis
ได้แก่
· Heartburn
· Nausea
· Vomiting of undigested food
· Early feeling of fullness when eating
· Weight loss
· Abdominal bloating
· Erratic blood glucose (sugar) levels
· Lack of appetite
· Gastroesophageal reflux
· Spasms of the stomach wall
อาการต่างเหล่านี้ อาจมีอาการไม่มาก (mild) จนกระทั้งถึงอาการรุนแรง
(severe) ทั้งนี้ขึ้นกับคนไข้แต่ละราย
ผลแทรกซ้อนจาก ภาวะ gastroparesis:
คนที่เป็นโรคเบาหวานและเกิดภาวะ gastroparesis…
พบว่า การรักษาโรคเบาหวานจะยากยิ่งขึ้น ควบคุมระดับน้ำตาล
ในกระแสเลือดได้ไม่ดี ที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะอาการที่ตกค้างใน
กระเพาะอาหาร (delayed) แต่สุดท้ายอาหารที่ผ่านไปยังลำไส้ใน
ตอนหลังจะดูดซึมสู่กระแสเลือด เป็นเหตุทำใหระดับน้ำตาลสูงขึ้น
เราจะวินิจฉัยโรคได้อย่างไร ?
การวินิจฉัยภาวะกล้ามเนื้อกระเพาะเกิดภาวะอ่อนแรง สามารถ
ยืนยันด้วยการตรวจอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
§ Barium X-ray
เป็นการตรวจกระเพาะอาหารในขณะท้องว่างด้วยการดื่มน้ำที่เป็น
สารทึบแสงเอกเรย์ (barium) ซึ่งเราจะมองเห็นสารดังกล่าในของ
กระเพาะอาหาร โดยปกติมันจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง
หากยังพบสาร barium ตกค้างในกระเพาะอาหารแสดงให้ทราบว่า
คนไข้น่าจะมีภาวะ gastroparesis
§ Barium Beefsteak Meal
เป็นการตรวจด้วยการรับประทานอาหารที่มีสาร barium
ซึ่งอนุญาตให้แพทย์ทำการสังเกตดูกระเพาะย่อยอาหาร เวลาที่ใช้ใน
การย่อยอาหารที่มีสาร barium และปล่อยอาหารออกจากระเพาะไป
ก็สามารถทำให้เราทราบได้ว่า
การทำงานของกระเพาะอาหารเป็นเช่นใด
นอกเหนือจากวิธีดังกล่าว ยังมีวิธีตรวยอย่างอื่นอีก เช่น Radioisotope
Gastric-Emptying Scan, Gastric manometry
นอกเหนือจากโรคเบาหวานที่เป็นเหตุให้เกิด gastroparesis เราสามารถ
แยกโรคอื่นได้โดยการตรวจ Upper Endoscopy และ Ultrasound
§ Upper Endoscopy
จาการตรวจเครื่องมือที่เรียก endoscope ซึ่งเป็นท่อสอดเข้าไป
ในกระเพาะอาหาร ทำการตรวจสอบตรวจดูผิวภายในกระเพาะอาหาร
สามารถตรวจความผิดปกติในกระเพาะอาหารได้
· Ultrasound
เป็นวิธีตรวจดูโรคของถุงน้ำดี (gallbladder) หรือตับอ่อน (pancreatitis)
อักเสบ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาได้
การรักษา
เป้าหมายการรักษาคนเป็นเบาหวาน ซึ่งมีภาวะกระเพาะอ่อนแรง (gastrparesis)
คือการจัดการกับระดับน้ำในกระแสเลือดให้ดีที่สุด
ซึ่งประกอบด้วยการใช้ยา “อินซูลิน”, “ยาเม็ดลดน้ำตาล”, ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน
และในรายที่เป็นมากอาจให้อาหารทางสาย (feeding tube)
หรือให้อาหารทางเส้นเลือด (intravenous feeding)
§ Insulin for blood glucose control
ถ้าท่านมีภาวะ gastroparesis อาหารที่ท่านรับประทาน
จะถูกดูดซึมได้ช้า และในเวลาที่ไม่สามารถคาดคะเนได้
ดังนั้นการควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดทีดี
ท่านอาจจำเป็นต้อง:
o ฉีด “อินซูลินบ่อยขึ้น
o ฉีด “อินซูลิน” หลังการรับประทานอาหาร (แทนที่จะฉีดก่อนอาหาร) และ
o ตรวจวัดดูระดับน้ำตาลในกระแสเลือดบ่อยขึ้น
โดยตรวจหลังการรับประทานอาหาร และให้ฉีด “อินซูลิน” ตามความจำเป็น
§ Medication
มียาหลายขนานที่แพทย์สามารถนำมาใช้รักษาภาวะ gastroparesis
โดยแพทย์อาจลองใช้ยาที่แตกต่างกัน หรือใช้ร่วมกัน
เพื่อเป็นการตรวจสอบดูว่า ยาชนิดใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด
§ Meal and Food Changes
การปรับเปลี่ยนนิสัยการรับประทาอาหารสามารถช่วยควบคุม
ภาวะกระเพาะอาหารอ่อนแรง (gastroparesis) ได้
เช่น ให้รับประทานอาหารในปริมาณที่น้อยลง
และให้เปลี่ยนเป็นอาหารประเภทน้ำ ๆ ในทุกๆ มื้อจนกว่าระดับน้ำตาลจะคงที่
และอาการของ gastroparesis จะดีขึ้น นอกจากนั้น แพทย์ยังจะแนะนำ
ให้ท่านรับประทานอาหารประเภทไขมันน้อยลง และอาหาร
ประเภทใยอาหารน้อยลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น