วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โรคความดัน & โรคเบาหวาน : คู่พิฆาต

7/23/12

ยาที่แพทย์เรานำมารักษาโรคความดันโลหิตสูง....
ยาลดความดันมีหลายกลุ่ม  แต่ละกลุ่มมีหลายตัว  และทุกตัวจะลดความดัน
ได้ไม่เท่ากัน  โดยเฉพาะเมื่อคนไข้รายนั้น  เป็นโรคเบาหวานด้วย

มีการรายงานว่า  ความดันโลหิตที่สูงขึ้นทุกห้าจุด 
มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาวะหัวใจถูกทำลาย (heart attack) หรือ
สมองถูกทำลาย (stroke) เพี่ม 20 – 30 %
ถ้าท่านเป็นโรคเบาหวาน  จะมีความเสี่ยงเพิ่มเข้าไปอีก  2 – 4 เท่า

นอกจากนี้  โรคเบาหวานยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต  และ โรคตา
ถ้าท่านมีโรคความดันโลหิตสูงร่วมเข้าไปอีก   ภาวะทั้งสองอย่างสูงขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุผลดังกล่าว  เขาจึงตั้งชื่อโรคทั้งสองว่า “คู่พิฆาต”

ตามความเป็นจริง... 
การที่เราสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตสูงได้  สามารถช่วยลดผลกระทบจาก
โรคเบาหวานโรคเบาหวาน  ที่มีต่อสุขภาพของเราได้
และ  ผลจากการลดระดับความดันลง  อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิด heart attack,
stroke  และ ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ  อันพึงเกิดจากโรคเบาหวานได้มากกว่าการที่เรา
สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้เสียอีก   แต่ความเป็นจริงมีว่า....
มีแพทย์ไม่ทุกคนหรอก  ที่พยายามควบคุมระดับความดันในคนเป็นเบาหวาน
ให้ลดลงสู่เป้าอย่างเอาจริงเอาจัง

ข้อมูลต่อไปนี้  คือสิ่งที่ท่านควรพิจารณาดู...
ถ้าท่านเป็นเบาหวาน  และ เป็นโรคความดันด้วย  ท่านควรปฏิบัติอย่างไร ?

§  Your Blood Pressure Goals---
ถ้าท่านเป็นโรคเบาหวาน  เป้าหมายของระดับความดันที่ท่านจะต้องลดให้ต่ำ
กว่าคนที่ไม่เป็นโรเบาหวาน  ทั้งนี้เพราะ  การที่ท่านปล่อยให้ความดันสูง 
มันสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานหลายอย่าง 
และ ทำให้โรคที่เกิดขึ้นแล้วเลวลงไปได้

แทนที่ท่านจะลดระดับความดันโลหิตลงให้ต่ำกว่า 140/90 mm/Hg  
ท่านจะต้องทำให้ระดับความดันของท่านต่ำกว่า 130/80 mm/Hg  ให้ได้
งานนี้  ไม่ใช้เรื่องง่ายนัก....มันเป็นหน้าที่ของท่านและแพทย์จะต้องร่วมมือกัน

§  Your Treatment Plan---
การลดระดับความดันให้ต่ำว่า  130/80 mm Hg 
ไม่สามาระกระทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (lifestyle measures) เพียงอย่าง
เดียว  หรือ ใช้ยาลดความดันเพียงตัวเดียว   บางทีการใช้ยาลดความดันถึงสองตัวยัง
ไม่เพียงพอ  ที่จะทำให้ความดันโลหิตลดลงได้เลย

แล้วเราจะทำอย่างไร ?
ส่วนใหญ่ของการรักษา  ต้องอาศัยทั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (lifestyleMeasures)
ร่วมกับการใช้ยาลดความดันอย่างน้อยสามตัว (ขนาน)

สิ่งที่เราควรทราบ คือ  ยาลดความดันโลหิตทั้งหลาย 
เมื่อถูกนำมาใช้ในคนไข้โรคเบาหวาน  จะได้ผลไม่เท่ากัน  และยาลดความดันที่ดีที่สุด...
ไม่เพียงแต่จะทำหน้าที่ลดความดันลงได้เท่านั้น  หาแต่สามารถชะลอการเกิด 
หรือป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในคนเป็นเบาหวานด้วย
เช่น  ภาวะหัวใจ และสมองถูกทำลาย (heart attack & stroke),
โรคไต (kidney  disease) ด้วย

บ่อยครั้ง  เราจะพบว่าคนที่เป็นโรคความดัน  ร่วมกับโรคเบาหวาน...
ยาตัวแรก  ที่ถูกนำมาใช้ลดความดัน  ตือ ACE inhibitors  ยาตัวนี้  นอกจากจะทำ
หน้าที่ลดความดันโลหิตลงแล้ว   ยังสามารถปกป้องไตไม่ให้ถูกทำลาย  และ 
ลดความความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ heart attack & stroke ได้อีกด้วย

โดยทั่วไป  เราจะให้ยา ACE inhibitors  ร่วมกันยาขับปัสสาวะ thiazide diuretic
 ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องไต  และ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ heart attack & stroke
เมื่อใดก็ตามที่คนไข้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ ACE inhibitors 
เช่น  เกิดมีอการไอ (cough), หรือ ความยุ่งยากอย่างอื่น...
เราอาจต้องใช้ยากลุ่ม angiotensin II Receptor blocker (ARB) แทน
และมีแพทย์บางท่าน  อาจเริ่มทำการรักษาโรคความดันในคนเป็นเบาหวาน 
ด้วยการใช้  thiazide diuretic ตั้งแต่แรกเริ่มเลยก็มี

ใน Antihypertensive and Lipid-Lowering Treatment To Prevent Heart
Attack Trial (ALLHAT)  กล่าวว่า...
คนไข้ที่เป็นความดันร่วมกับการเป็นโรคเบาหวาน  สามารถจะได้รับประโยชน์
จากการรักษาด้วยยา thiazide diureticพอ ๆ กับคนที่ไม่เป็นโรคเบาหวานเลย 
และหากมีความจำเป็น  เราสามารถเพิ่ม  ACE inhibitors ให้แก่คนไข้ทีหลังได้

อย่างไรก็ตาม  การรักษาคนไข้ที่เป็นโรคความดัน  ที่เกิดร่วมกับโรคเบาหวาน
การใช้ให้ยารักษาด้วย  thiazide diuretic  และ  ACE inhibitors( หรือ ARB)
อาจไม่เพียงพอต่อการลดความดันลงได้  เมื่อเป็นเช่นนั้น  แพทย์ของท่านอาจ
เพิ่มยากลุ่ม  Long acting calcium channel blockder ,  beta  blocker, หรือ
Alpha  blocker  ให้แก่ท่านเป็นตัวที่สาม  หรือ ตัวที่สี่ได้

ทั้งหมดที่กล่าวมา  เป็นแนวทางการรักษาคนไข้ที่เป็นโรคความดัน 
ร่วมกับโรคเบาหวาน  ซึ่งแพทยเรากำลังปฏิบัติกัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น