วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ANTIBIOTIC OVERUSE: อันตรายจากการใช้ยาปฏิชีวนะ

จงฟัง...

นั่นคือเสียงของอาจารย์ผู้เฒ่า...
ผู้มีความเอื้ออาทร และมีห่วงใยต่อเหล่าศิษย์
ต้องการให้ลูกศิษย์ที่กำลังจะออกไปช่วยเหลือประชาชนว่า...
“ก่อนจะใช้อาวุธ (ยารักษา) ต้องพิจารณาให้รอบครอบทุกครั้ง
อย่าให้เกิดเป็นอันตรายต่อคนไข้เป็นอันขาด...”

ทุก ๆ ปี เราต้องยอมรับว่า เราทุกคนจะเผชิญกับความเจ็บไข้ ได้ป่วย กันทุกคน
เช่น เป็นหวัด (colds) เจ็บคอ (sore throat) และ อักเสบจาเชื้อไวรัส (viruses)
ในกรณีของเด็ก เมื่อท่านพาลูกหลานไปพบแพทย์ด้วยความเจ็บป่วย
ส่วนใหญ่ ต่างคาดหวังว่า จะต้องได้รับยาปฏิชีวนะ (antibiotics) จากแพทย์ ?

แต่มีบางราย...จะรู้สึกแปลกใจ หรือบางทีอาจโกรธ คุณหมอเอาก็ได้
ถ้าหากไปเจอแพทย์ ที่ให้แต่คำแนะนำ ไม่ให้ยาใด ๆ แก่เด็กเลย
นั่นคือความเป็นจริง ที่ผู้เป็นพ่อแม่ของเด็กจะต้องรับทราบเอาไว้
อะไรเหมาะสมที่สุดสำหรับเด็ก แพทยจ์เขาจะทำเช่นนั้น โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะเลย

How Antibiotics Work
ยาปฏิชีวนะ ถูกนำมาใช้รักษาคนป่วยตั้งแต่ปี 1940s
ซึ่งเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าของวงการแพทย์
แต่ผลของการใช้ยาเกินความจำเป็น เป็นเหตุให้เชื้อโรคต้านยาที่ใช้รักษา
ทำให้ยา ที่เคยใช้ได้ผลในการทำลายเชื้อแบกทีเรีย ไมได้ผลเหมือนเคย

นอกเหนือจากนั้น เด็กที่ได้รับยาปฏิชีวนะ ซึ่งไม่จำเป็นต่อการรักษา
ยังไปเพิ่มอันตรายให้แก่เด็ก เกิดผลข้างเคียงขึ้นได้
เช่น เกิดอาการทางกระเพาะอาหาร และ ท้องล่วง

เมื่อเราเข้าใจว่า ยาปฏิชีวนะ (antibiotics) ทำงานอย่างไร
สามารถช่วยทำให้เราได้ทราบว่า เชื้อโรค (germs) เช่น แบกทีเรีย (bacteria)
และ ไวรัส (viruses) มันทำให้เราเกิดความไม่สบายได้อย่างไร

 Bacteria. เป็นสิ่งมีชีวิต พบได้ทั่วทุกหนทุกแห่ง
โดยที่มันไม่เป็นอันตรายใด ๆ บางชนิดอาจเป็นประโยชน์
เช่น Lactobacillus ที่อาศัยภายในลำไส้ มีหน้าที่ช่วยยอ่ยอาหาร
ส่วนแบกทีเรียบางอย่าง เมื่อเข้าสุู่ร่างกาย มันจะแบ่งตัว ขยายพันธุ์
และมีผลกระทบต่อกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกาย

ยาปฏิชีวนะนะ จะทำหน้าที่ทำลาย (ฆ่า)เชื้อแบกทีเรีย
โดยไม่ให้มันแบ่งตัว ขยายพันธุ์ ไม่ให้มันเจริญเติบโตขึ้น

 ไวรัส (Viruses): บางท่านเรียกว่า มันไม่ใช้สิ่งที่มีชีวิตหรอก?
ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวของมันเองหรอก
มันเป็นอนุภาค ซึ่งมีสารพันธุกรรม ถูกห่อด้วยสารโปรตีน (protein coat)
มันจะนิ่งสงบเหมือน “แดรกคิวล่า” ที่นอนในโลง...
พอมันเข้าสู่ร่างกายของคน และอยู่ในเซลล์ของคนเราได้เมื่อใด จะมันจะมีชีวิต
มีการเจริญเติบโต และมีการแบ่งตัวทันที
ดูไปแล้ว เหมือนผี (แดรกคิวล่า) ทุกประการ

ไวรัสบางตัว จะถูกระบบภูมิต้านทานของเราทำลาย (ฆ่า) ก่อนที่มันจะก่อให้เกิดโรคขึ้น
ส่วนรายอื่น ๆ เช่น เชื้อหวัด มันจะแบ่งตัว ขยายตัว พัฒนาไปตามวิถีของมัน...
ขอให้ทราบไว้ด้วยว่า เชื้อไวรัส ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ อ

Why It's Harmful to Overuse Them
การใช้ยาปฏิชีวนะ รักษาโรคหวัด หรืออักเสบจากเชื้อไวรัสอื่น ๆ
จะไม่เป็นประโยชน์... แต่มันจะก่อให้เกิดผลข้างเคียง (side effects)
หากมีการใช้ยาปฏิชีวนะในโรคดังกล่าว เมื่อเวลาผ่านไป นานเข้า
จะเป็นเหตุให้เชื้อแบกทีเรียสร้างความต้าทานต่อยา....
ยากแก่การรักษา เราเรียกว่า ภาวะนี้ว่า “bacterial resistance”

เมื่อเชื้อโรคสามารถต้านทานยาปฏิชีวนะ
แพทย์ต้องใช้ยาที่มีขนาดสูง หรือเปลี่ยนยาตัวใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีก
นั่นเป็นผลจาก การใช้ยาที่ไม่ถูกต้อง

การที่เชื้อแบกทีเรีย สามารถต่อต้านยาชีวนะได้นั้น
จัดเป็นปัญหาสำคัญ ที่แพร่กระจายไปทั่วทุกส่วนของโลก
โดยมีผลมาจากการใช้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกต้อง ทำให้ยากแก่การรักษาในภายหลัง

Taking Antibiotics Safely

เพื่อหลีกเลี่ยง ไม่ให้เชื้อเกิดการต่อต้านยา..
สิ่งที่ท่านควรจะต้องทำ:

 Treat only bacterial infections.
สิ่งท่านต้องรู้ คือ จะใช้ยาปฏิชีวนะรักษาเชื้อแบกทีเรียเท่านั้น
ปล่อยให้โรคที่ไม่มีความรุนแรง ดำเนินไปตามทิศทางของมัน โดย
ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ...ถือว่า เป็นการหลีกเลี่ยง ไม่ให้เชื้อแบกทีเรีย
สร้าง ความต้านต่อยาได้ และสิ่งที่ควรกระทำ คือ รักษาแต่เพียงอาการเท่านั้น

ในการรักษาเด็ก สิ่งที่ท่านในฐานะพ่อแม่ จะต้องทำ คือ การสื่อสารกับแพทย์
เรื่องการรักษาอาการของเด็ก เช่น ยาลดอาการน้ำมูกไหล โดยไม่ต้องมียา
ปฏิชีวะนะเข้ามาเกี่ยวข้อง

ในการใช้ปฏิชีวนะ จะต้องใช้ให้เหมาะสม
จะได้ผล เมื่อใช้ฆ่าเชื้อแบกทีเรียเท่านั้น ซึ่งท่านจะต้องปฏิบัติตามแพทย์สั่ง
ให้ครบตามที่แพทย์แนะนำ แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
อย่าหยุดยาเองเป็นอันขาด

ข้อสำคัญ อย่าเก็บยาปฏิชีวนะไว้ในบ้าน ให้เด็กหยิบกินได้ง่าย
อย่าใช้ยาของคนอื่น เพราะขนาดของยาที่ให้เด็กแต่ละคนไม่เท่ากัน
หากเด็กของท่าน จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวินะ จะต้องแน่ใจว่า
ได้รับยาปฏิชีวนะที่ถูกต้อง

อย่าเก็บยาปฏิชีวนะไว้เพื่อคราวหน้าเป็นอันขาด
เมื่อเด็กของท่านได้รับยาจนครบแล้ว ให้กำจัดส่วนที่เหลือทิ้งทันที

เพื่อป้องกันไม่ให้ชื้อแบกทีเรีย เกิดการต่อต้านยา
สิ่งท่านควรกระทำ คือ ให้เด็กทำความสะอาดมือ ให้เด็กได้รับวัคซีน
และให้งดไปโรงเรียน เมื่อเด็กเกิดไม่สบายขึ้นมา

แพทย์ทั้งหลาย ต่างรู้ และระวังเรื่องเชื้อแบกทีเรีย
ซึ่ง มันสามารถสร้างความต่อต้านชีวนะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ข้อควรจำ เมื่อจะใช้ยาปฏิชีวนะ
ท่านต้องใช้อย่างเหมาะสมเท่านั้น อย่าใช้โดยไม่มี "ข้อชี้บ่ง"เป็นอันขาด

http://kidshealth.org/parent/h1n1_center/h1n1_center_treatment/antibiotic_overuse.html?tracking=P_RelatedArticle#

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น