วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Autoimmunity: Communication is the Key (2)

Communication is the key:
ทีกล่าวมา เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นทีมงาน ของระบบภูมิคุ้มกัน
ยังมีสมาชิก หรือส่วนอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เราไม้ได้กล่าวะถึง

ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ จะมีจำนวนผู้คนเป็นจำนวนร้อย ที่จะต้องทำงานให้บรรลุเป้าหมาย
แน่นอน...การที่มีคนทำงานด้วยกันเป็นจำนวนมาก ๆ
ย่อมง่ายต่อการกระทำผิดได้

ในระบบภูมิต้านทาน ที่สามารถทำงานได้ดี เป็นเพราะมันมีวิธีการติดต่อสื่อสารกัน
โดยตลอด ซึ่งมีสมอง และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
ในการติดต่อสื่อสารกันนั้น มันอาศัยสาร cytokines
ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่ง ระหว่าง immune cells
แม้ว่า immune cells จะไม่มีหู แต่มันสามรรถตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
ซึ่งเกิดในสาร cytokine ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อมันพบว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้น มันจะก่อให้เกิดการตอบสนองในทิศทางเฉพาะ
เช่น สั่งให้มีการโจมตีข้าศึก (invaders) ทันที...

Cytokine บางชนิด นอกจากจะทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารภายใน immune system
มันยังทำงานติดต่อสือสารภายในเซลล์ประสาทอีก
ด้วยสารอีกชนิหนึ่ง เรียก interleukins
ซึ่งมันจะทำหน้าที่พิเศษที่สำคัญหลายอย่าง
เช่น ทำหน้าที่สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่าง “ร่างกาย และจิตใจ”

WHEN THINGS GO WRONG WITH IMMUNE SYSTEM
ลองดูเหตุการณ์ต่อไปนี้ดู:

มีกระทาชายหนึ่ง ทำงานอยู่ในย่านชุมชน ทีแออัดด้วยผู้คน
เขาทำงานหนัก พักผ่อนน้อย รับประทานอาหารปรุงสำเร็จเป็นประจำ
พอตกเย็น ก็เข้าสถานเริงรมย์ ที่อบอวนไปด้วยควนบุหรี่...
ไม่ช้าไม่นาน...ร่างกายก็ทรุดโทรม และถูกโจมตีด้วยเชื้อหวัดใหญ่
ในขณะเดียวกัน ระบบภูมิต้านทานของชายคนดังกล่าว ก็ต่อสู้กับเชื้อหวัดใหญ่เช่นกัน
ผลปรากฏว่า ระบบภูมิต้านทานแพ้...เป็นหวัดอย่างแรง
นั่นเป็นเหตุการณ์ปกติ ซึ่งใคร ๆ ก้เป็นกัน


COMMUNICATION IS THE KEY
นอกจากสมาชิก หรือส่วนประกอบของระบบภูมิต้านทานตามที่กล่าวมาแล้ว
ยังปรากฏว่า ยังมีส่วนประกอบอื่นอีกนับเป็นโหล ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง
เมื่อมีส่วนประกอบมากมาย ทำงานเป็นทีมเช่นนั้น ย่อมมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นได้
ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับงานต่าง ๆ ที่ปรากฏในงานใหญ่ เช่น งานของบ้านเมือง

ระบบภูมิต้านทานสามารถทำงานได้เป็นปกติ ด้วยวิธีการสื่อสารระหว่างเซลล์
ที่อยู่ในระบบเดียวกัน (immune system)
ซึ่ง มีสมอง และส่วนอื่น ๆ ของระบบภูมิต้านทาน
โดยการใช้สารที่มีลักษณะคล้ายฮอร์โมน คือ cytokine เป็นตัวถ่ายทอดข้อมูลระหว่างเซลล์
เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น มันจะกระตุ้นให้ระบบภูมิต้านทานตอบสนอง
ผู้บุกรุกตามแนวทางของมัน ด้วยการทำลายผู้บุกรุกทั้งหลาย


Autoimmunity:
ในโลกอันสับสนนี้ ปรากฏว่า มีผู้คนเป็นจำนวนล้าน ๆ
ผู้ซึ่งไม่สามารถตอบสนองต่อศัตรู ที่บุกรุกเข้าสู่ร่างกายได้ตามปกติ
ที่พบเห็นบ่อยที่สุด คือระบบภูมิต้านทานของคน ที่ทำหน้าที่ผิดเพี้ยนไป
แทนที่จะทำหน้าที่โจมตีผู้บุกรุก (เชื้อโรค) ด้วยภูมิต้านทาน ( antibodies-substances)
แต่กลับสร้างอาวุธ ที่สามารถทำลายตนgองขึ้น
ซึ่งมีชื่อว่า "autoimmune-substances"
โจมตีเซลล์ที่สมบูรณ์ของตัวเองเข้า เช่น กระดูก ข้อ เลือด สมอง เส้นประสาท และอวัยวะส่วนอื่น ๆ

ด้วยการสร้างภูมิต้านทาน (antiboies) เพื่อทำลายเซลล์ที่สมบูรณ์ของตนเอง
เราเรียกว่า “auto-immune substance”
ภาวะดังกล่าว เราเรียกว่า autoimmune response
ซึ่งปรากกว่า มีโรคที่เกิดจากกระบวนการณ์ (autoimmnune response) มากว่า 80 ชนิด
บางโรคก็พบได้บ่อย บางชนิดพบน้อย
ที่พบได้บ่อยได้แก่:

Rheumatoid arthritis, lupus, multiple sclerosis,
Hypothyroidism, hyperthyroidism (Grave’s disease), Crohn’s disease,
Ulcerative colitis, Type 1 diabetes, autism,
chronic fatigue syndrome, ankylosing sponylitis,
Autoimmune hepatitis, autoimmune kidney disease,
polymyositis, scleroderma, และ vascultis.

จากโรคที่เกิดจากระบบภูมิต้านทาน ทำลายตัวเอง มีความแตกต่างกันไป
ยกตัวอย่าง อาการจองโรค rheumatoid arthritis
(inflamed,painful joints and limited mobility)
จะแตกต่างจากอาการของโรค Crohn’s disease ( chronic diarrhea,abdominal pain, fever)
แต่ส่วนใหญ่แล้ว โรคที่เกิดจาก autoimmune จะมีความเหมือนหลายอย่าง:

 มีความผิดปกติในยีน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคทาง autoimuniy และ
 มีพิษจากสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทาง autoimmune process ขึ้น

เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องนี้ดีขึ้น
เราต้องเข้าใจก่อนว่า ทำไม มันจะเกิด autoimmune ขึ้น ?

ใน เซลล์ในร่างกายของมนุษย์ จะถูกทำลาย หรือ ทำให่เสียหายได้ตลอดเวลา
ด้วย “อนุมูลอิสระ” (free radicals) ที่บุกรุกเข้าสู่ร่างกาย หรือ มีอยู่ในร่างากยของเรา
ซึ่ง มีปรากฏอยู่ตามธรรมชาติ (environment toxins)
เช่น สารเคมีทั้งหลาย รวมถึง โลหะหนักต่าง ๆ (heavy metal)

FREE RADICALS:
Free radical หรือ สารอนุมูลอิสระ หมายถึงสารที่ไม่มีความสมดุลในตัวของมันเอง
เพราะ มันมีอิเล็กตรอน "คี" หรือ "ไร้คู่ "
เป็นโมเลกุลที่พบในร่างกายในปริมาณไม่มาก โดยมันมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย
เช่น ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกาย

ถ้าเมื่อใด มีอนุมูลอิสระในร่างกายในปริมาณมาก
อนุมูลอิสระเหล่านั้น จะทำลาย DNA Cell membranes, enzymes systems
และ ทำให้การทำงานของระบบภูมิต้านทานเสียไป
เช่น ถ้าเป็นทหาร ก็หันกระบอกปืนเข้าใส่ประประชาชนของตนเอง
แล้วยิง...

เนื่องจากจักรวาล ( คนเราก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล)
มันมีกฎอยู่ว่า ไม่ว่า สิ่งนั้น ๆ จะเป็นอะไร ทั้งมีชีวิต และไม่มีชีวิต
จะมีการจัดการกับตัวเอง ให้เกิดความสมดุลตลอเวลา
ไม่ว่า การกระทำนั้นจะถูกหรือผิด...
ยกตัวอย่าง ที่เห็นง่ายที่สุด คือ อนุมูลอิสระ เป็นอะตอม หรือ โมเลกุล ที่ไม่สมดุล (คี่)

มันจะแย่งชิงเอา “อีเลกตรอน” จากสาร หรือโมเลกุลตัวอื่นมาเป็นของตนเอง
เพื่อให้ตัวเองสมดุล ตามกฎของจักรวาล ?
ดูไปแล้ว เหมือนกับคนที่บ้าอำนาจ...เอาเปรียบคนที่ไร้อำนาจ ?...
ผลที่เกิด จึงทำให้สารตัวอื่น กลายเป็นตัวที่ไร้ความสมดุลไป
เกิดความปั่นป่วนขึ้นอย่างกว้างขวาง

อนุมูลอิสระ...มันมาจากไหน?
รอบตัวคนเรา มีต้นตอของสารที่เป็นอนุมูลอิสระมากมายเหลือเกิน
ซึ่งมันสามารถบุกรุกเข้าสู่ร่างกายของเราได้อย่างง่ายดาย
เช่น แก๊ส CO2 จากรถยนต์ ยาฆ่าแมลง (pesticides) รังสี (radiation)
สารเคมีจากครัวเรือนควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ ยา (medications) และอื่น ๆ

เมื่อนุมูลอิสระเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายเรา มันจะเพิ่มปริมาณมากขึ้น
ซึ่ง ย่อมมีศักยภาพในการทำลายเซลล์ภายในร่างกายของเราได้อย่างมากมาย
กระบวนการณ์ดังกล่าว เรียกว่า ‘oxidation”
พร้อมกับมีการทำลาย DNA cell membranes และ enzymes ต่าง ๆ ทันที

ระบบภูมิต้านทานต้องทำงานหนัก ด้วยการต่อสู่กับผู้บุกรุกตลอดเวลา
สุดท้าย เมื่อมันไม่สามารถเอาชนะผู้บุกรุกไหว
ย่อมก่อให้เกิดผลอันไม่พึงปรารถนา โดยไม่ต้องสงสัย
นั่น คือ ต้นเหตุที่ทำให้ระบบภูมิต้านของคนเรา ทำงานเพี้ยนไปจากเดิม
ทำให้เกิดโรคทางระบบภูมิต้าทานขึ้น


www.power-surge.com/educated0autoimmune.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น