ภายหลังเด็กเล็กรับประทานอาหารเที่ยง...
พี่เลี้ยงเด็ก สังเกตเห็นเด็กพยายามใช้มือเกาที่บริเวณปาก
จากนั้นไม่นาน เด็กอาเจียนเอาอาหารออกหมด
พร้อมกับมีอาการหายใจลำบาก มีเสียดัง (wheeze)
ซึ่งต่อมาภายหลัง ได้รับการวินิจฉัยว่า เด็กเกิดเป็นโรคภูมิแพ้อาหาร
จาก “ถั่ว” ที่เด็กกินเข้าไปในตอนเที่ยงวัน นั่นเอง
นอกเหนือจากถั่วแล้ว โรคภูมิแพ้จากอาหาร สามารถเกิดจากอาหารประเภทอื่น ๆ
เช่น นม (milk) ไข่ (egg) หอย (shelfish) และถั่ว (peanuts)
การเรียนรู้ เพื่อให้ทราบว่า เด็กมีปฏิกิริยาภูมิแพ้จากอาหารชนิดใด
สามารถช่วยทำให้เด็กของท่าน ได้รับการรักษาเมื่อถึงคราวจำเป็น
หากเด็กได้รับการวินิจฉัยมาก่อนว่า เด็กของท่าน แพ้อาหารชนิดใด
ถือว่าเป็นความจำเป็น ที่ท่านจะต้องรู้:
-เป็นปัญหาเกี่ยวกับการเตรียมอาหารให้เด็กเล็ก
หลีกเลี่ยงจากการใช้ส่วนประกอบอาหาร ที่เด็กแพ้
-เรียนรู้ปฏิกิริยาภูมิแพ้ ที่เกิดจากอาหาร
About Food Allergies
เมื่อเด็กมีประวัติภูมิแพ้ต่ออาหาร ร่างกายของเด็กจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อ
สารอาหารที่เป็นอันตราย
ระบบภูมิต้านทาน (ซึ่งปกติ มันจะทำหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรค และโรค)ด้วยการ
สร้างภูมิต้านทาน (antibody) เพื่อทำหน้าที่ต่อสู้กับอาหารที่เป็นตัวก่อให้เกิดภูมิแพ้
(อาหารที่เด็กกินเข้าไปนั้น จะทำหน้าที่เป็น allergen)
ในครั้งต่อไป เมื่อคนเรามาสัมผัสกับอาหารนั้นอีก เช่น “สัมผัส” ถูก
หรือ “กิน” หรือ “หายใจ” เอาสารนั้นเข้าสู่ร่างกาย
ร่างกายจะปล่อยสารเคมีออกมาหลายตัว รวมทั้งสารตัวหนึ่ง
ชื่อ “histamine”
สารเคมีเหล่านี้ จะกระตุ้นให้เกิดมีปฏิกิริยาภูมิแพ้เกิดขึ้น ซึ่งสามารถกระ
ทบต่อทางเดินลมหายใจ กระเพาะ และลำไส้ ผิวหนัง หรือ ระบบเส้นเลือด และหัวใจ
ซึ่งอาการเหล่านั้น ได้แก่ น้ำมูกไหล มีอาการเสียวที่ลิ้น ริมฝีปาก คอ
มีอาการปวดท้อง หายใจลำบาก เวลาหายใจมีเสียงดัง
หลายคนเกิดความสับสนระหว่าง food allergy และ Food intolerance
เพราะอาการของทั้งสองภาวะ จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน
อาการของ Food intolerance สามารถทำให้เกิดอาการแสบท้อง (burning)
อาหารไม่ย่อย (indigestion) มีลมในท้อง (gas)
ถ่ายเหลว (loose stools) ปวดศีรษะ (headache) เครียด
Food intolerance เป็นอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้าทานเลย
มันเกิดขึ้นจากการที่คน ๆ นั้นไม่สามารถที่ย่อยอาหารบางชนิด
เช่น lactose
จากสถิติในสหรัฐฯ (FDA) มีเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เป็นโรคภูมิแพ้จากอาหาร
เป็นโรคภูมิแพ้ ที่ไม่ค่อยจะพบในผู้ใหญ่
โดยรวมแล้ว พบว่า มีประชาชนชาวอเมริกัน
เป็นโรคภูมิแพ้จากอาหาร 11 ล้านคน
Common Food Allergens
ในเด็กเล็ก สามารถเกิดโรคภูมิแพ้จากสารอาหาร 8 อย่าง ต่อไปนี้ถึง 90 %
ซึ่งได้แก่:
1. milk
2. eggs
3. peanuts
4. soy
5. wheat
6. tree nuts (such as walnuts and cashews)
7. fish
8. shellfish (such as shrimp)
โดยทั่วไป เด็กส่วนใหญ่ที่แพ้อาหารพวกนี้ เมื่อโตขึ้น โรคภูมิแพ้อาหารจะหายไป
สำหรับเด็กที่แพ้นม...ประมาณ 80 % เมื่อเด็กโตขึ้น อาการจะหายไป
สำหรับเด็กที่แพ้ “ไข่” เมื่อเด็กโตขึ้น อาการจะหายไปประมาณ สองในสาม
ในรายที่แพ้อาหารพวกถั่วเหลือง (soy products) หรือพวก wheat
อาการจะหายไปเมือเด็กโตขึ้นถึง 5 ขวบ
ส่วนอาการอย่างอื่น เช่น พวกถั่ว (peanuts) พบได้ประมาณ 20 % เท่านั้น
ที่หายจากการแพ้ ส่วนพวก tree nut....เมื่อเด็กโตขึ้น จะหายไปเพียง 10 % เท่านั้น
สำหรับพวกหอย และปลา ปรากฏว่า เด็กจะเกิดภูมิแพ้พวกนี้ในระยะหลัง
และยากต่อการที่จะหายไปเมื่อเด็กโตขึ้น
Food Allergy Reactions
ปฏิกิริยาภูมิแพ้ต่ออาหาร มีความแตกต่างกันในแต่ละคน
บางรายเป็นน้อย มีเพียงอวัยวะบางส่วนที่มีอาการเท่านั้น
เช่น มีลมพิษปรากฏบนผิวหนัง ส่วนอีกราย ปรากฏว่ามีอาการมากกว่านั้น
ปฏิกิริยาที่เกิด อาจใช้เวลา ไม่กี่นาที ถึงหลายชั่วโมง หลังการสัมผัสกับอาหารเหล่านั้น
ปฏิกิริยาภูมิแพ้จากสารอาหาร
สามารถเกิดขึ้นกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้:
1. skin: ผื่นบนผิวหนัง ผิวหนังนูน แดง และ คัน, มีอาการบวมแดง คัน
ที่บริเวณหน้า และขา
2. gastrointestinal tract: ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หรือ ท้องล่วง
3. respiratory tract: น้ำมูกไหล จาม ไอ หายใจมีเสียง (wheeze) หายใจลำบาก
4. cardiovascular system: มีอาการวิงเวียน หรือเป็นลม
ในรายที่มีปฏิกิริยาที่มีความรุนแรง มีชื่อเรียกว่า anaphylaxis
เป็นปรากฏการณ์ ที่สามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้
รายที่มีอาการบวมที่บริเวณทางเดินลมหายใจ ทำให้หายใจลำบาก ความดันโลหิตลดลง
หมดความรู้สึก บางราย ถึงกับตายได้
Continue (2) Food Allergy: Diagnsosing a food Allergy 2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น