Continue.
ในการรักษาคนไข้ที่เป็น autoimmune hepatitis ด้วย prednisone
และ azathioprine นั้น ปรากฏว่า ทั้งสองต่างมีผลข้างเคียง
ในกรณีที่ให้ prednisone เพื่อควบควบตับอักเสบจากระบบภุมิต้านทาน
จำเป็นต้องให้ยาในขนาดที่สูง
ดังนั้น การรักษา และป้องกันอาการผลข้างเคียง จึงมีความสำคัญอย่างมาก
ซึ่งจะเกิดเมื่อเราใช้ยาเป็นเวลานาน ๆ เท่านั้น
ผลข้างเคียงที่เกิดจากยา prednisone ได้แก่:
น้ำหนักเพิ่ม (Weight gain)
เครียด และสับสน (stress and confusion)
กระดูกเปราะบาง (osteoporosis)
ผม และผิวหนังบาง (thinning of skin and hair)
เบาหวาน (diabetes)
ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น (hypertension)
ต้นกระจก
ต้อหิน
สำหรับ azathioprine สามารถทำให้ระดับเม็ดเลือดขาวลดต่ำลง
บางครั้งทำให้เกิดมีอาการคลื่นไส้ เยื่ออาหาร
นอกจากนั้น อาจทำให้มีปฏิกิริยาทำให้เกิดการทำลายเซลล์ตับ และ
เกิดตับอ่อนอักเสบ (pancreatitis) ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดท้อง
อย่างรุนแรงได้
Are other treatments for autoimmune hepatitis available?
ในกรณีที่คนไข้ (autoimmune hepatitis) ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วย
ด้วยยาที่เป็นมาตรฐาน (prednisone & azathioprine)
หรือมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น อาจจำเป็นต้องใช้ยาตัวอื่น ๆ แทน เช่น mycophenlate mofetil,
Cyclosporine หรือ tacrolimus.
ในกรณีโรคเลวลงถึงขั้นสุดท้าย (liver failure) หรือ ตับแข็ง (cirrhosis)
อาจต้องทำการรักษาด้วยการปลูกถ่ายตับ- liver transplant
ซึ่งมีอัตรามีชีวิตรอดภายในหนึ่งปีถึง 90 % และชีวิตรอดภายใน 5 ปี 70-80 %
กล่าวโดยสรุป:
โรค autoimmune hepatitis เป็นโรคเรื้อรัง (long-term disease)
ซึ่งเกิดจากระบบต้านทาน เป็นตัวการทำร้ายเซลล์ของตับเสียเอง
ในการวินิจฉัยโรค จำเป็นต้องอาศัยการตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการณ์
และ เอาชิ้นเนื้อของตับมาตรวจ
ด้วยการรักษาที่เหมาะสม เราสามารถควบคุม autoimmune hepatitis ได้
และการรักษาหลัก คือ การยับยั้งการทำงานเกินของระบบภูมิต้านทานลง
http://digestive.niddk.nih.gov/ddiseases/pubs/autoimmunehep/index.aspx
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น