Continue. (2)
คนบางคนเมื่อมีอาการอาหารไม่ย่อย อาจหายได้ด้วย:
กินอาหารในปริมาณไม่มาก ไขมันน้อย เคี้ยวอาหารให้ช้าลง
ไม่สูบบุหรี่
งดเว้นจากกินยาที่ทำให้เกิดละคายต่อผิวด้านในของกระเพาะ เช่น aspirin และ NSAIDS
พักผ่อนให้เพียงพอ
หาทางผ่อนคลายทั้งด้านกาย(physical sress) และจิตใจ (emotional stress)
เช่น การผ่อนคลาย (relaxation) การเล่นโยคะ
แพทย์อาจแนะนำให้ท่านกินยา ที่สามารถซื้อจากร้านขายยา
เช่น ยาลดกรด ยาลดการสร้างกรด หรือยาที่ช่วยทำให้อาหารเคลื่อนลงยังลำไส้เร็วขึ้น
ยาทีท่านสามารถหาได้ มีดังนี้:
Antacids: ยาลดกรด เป็นยาตัวแรกที่นำมาใช้รักษาอาการอาหารไม่ย่อย
ซึ่งมาหลายตัวด้วยกัน แต่ก็มีผลเข้างเคียงได้เช่นกัน เช่น พวก magnesium salts
จะทำให้เกิดอาการท้องล่วง ส่วน aluminium salts จะทำให้เกิดอาการท้องผูก
พวก calcium carbonate antacids จะทำให้เกิดท้องผูกได้
H2 receptor antagonists เช่น ranitidine, Cimetidine...
มีผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ท้องล่วง และอาจทำให้เลือดออกได้ง่ายอีกด้วย
Proton-pump inhibitors เช่น omeprasole มีผลข้างเคียงเหมือนกับยา
ในกลุ่ม H2 recptor antagonists
Prokinetics เช่น metoclopramide (Reglan)
มีประโยชน์ช่วยทำให้อาหารขับเคลื่อนไปยังลำไส้ และช่วยทำให้กล้ามเนื้อของกระเพาะลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
แต่ผลเสียของยา (side effects) ได้แก่ ทำให้ง่วง เมื่อยล้าซึมเศร้า กังวล
ทำให้ กล้ามเนื้อ (involuntary) หดเกร็ง หรือเคลื่อนไหวได้เอง
หากการตรวจพบว่า มีเชื้อ H. pylori เป็นต้นเหตุให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย
มีโรคแผลในกระเพาะ และลำไส้ แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยเหลือภาวะดังกล่าว
กล่าวโดยสรุป:
• อาหารไม่ย่อย (indigestion) หรือ dyspepsia เป็นคำที่เรียกอาการต่าง ๆ
เช่น รู้สึกแน่นท้องในขณะกินข้าว แน่นท้องหลังกินข้าว มีอาการแสบท้อง หรือปวดท้องที่ส่วนบน
• อาการอาหารไม่ย่อย สามารถเกิดจากความผิดปกติในในระบบทางเดินอาหาร
เช่นกรดไหลย้อน (GERD) กระเพาะลำไส้เป็นแผล มะเร็ง โรคตับอ่อน หรือโรคทางเดินน้ำดี
• บางรายมีอาการอาหารไม่ย่อย ไม่สามารถพบสาเหตุ เรียกภาวะเช่นนั้นว่า
Functional dyspepsia
• คนที่มีอาการอาหารไม่ย่อย (indigestion) และพวกที่มีอาการแสบท้อง
ไม่ใช้โรคเดียวกัน แต่ทั้งคู่ต่างมีอาการร่วมกันได้
• เพื่อการวินิจฉัยโรค แพทย์อาจสั่งตรวจเอกซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจลมหายใจ ตรวจอุจจาระ
ตรวจภายในด้วยกล้อง endoscope ตัดเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ เพื่อวินิจฉัยโรค indigestion
• คนบางคนที่มีอาการอาหารไม่ย่อย ทำให้อาการดีขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง
รวมถึงการลดความเครียด
• แพทย์อาจให้ยา “ลดกรด” H2 receptor antagonsists(H2RAs),
Proton pump inhibitors (PPIs), prokinetics หรือ antibiotics
เพื่อรักษาอาการต่างของอาการอาหารไม่ย่อย (indigestion)
นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารไม่ย่อย (indigestion) ซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการกินยาช่วยย่อยอาหาร...ซึ่งมียาให้ท่านเลือกหลายตัว
www.digestive.niddk.nih.gov/ddiseases/pubs/indigestion/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น