8/12/12
การดูแลสุขภาพของตนเอง เพื่อกันโรคให้ห่างไกล
(Comprehensive care to prevent more health problems)
การดูแลสุขภาพของตนเอง เพื่อกันโรคให้ห่างไกล
(Comprehensive care to prevent more health problems)
ตัวเราเท่านั้น ที่สามารถดูแลตัวเองได้ดีที่สุด...
ถ้าท่านเป็นโรคเบาหวาน เรามีวิธีการหลายอย่าง
ที่สามารถปกป้องสุขภาพของเราได้ เช่น ความพยายามของท่านเพื่อควบคุม
ระดับน้ำตาล สามารถป้องกัน หรือชะลอปัญหาต่าง ๆ ของร่างกายได้
ถ้าท่านเป็นโรคเบาหวาน เรามีวิธีการหลายอย่าง
ที่สามารถปกป้องสุขภาพของเราได้ เช่น ความพยายามของท่านเพื่อควบคุม
ระดับน้ำตาล สามารถป้องกัน หรือชะลอปัญหาต่าง ๆ ของร่างกายได้
การดูแลเบาหวานได้ดีที่สุด คือ ใช้ทุกกลยุทธเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิด
ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:
Eat a Reduced-Calorie Diet
การดูแลเรื่องอาหารการกิน ก็เป็นส่วนสำคัญในการรักษาคนเป็นโรคเบาหวาน
การลดปริมาณอาหารที่รับทานลง สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
เราเรียกการลดปริมาณอาหารลง สามารถลดการต่อต้านของร่างกายทีมีต่อ
อินซูลินได้ และยังช่วยลดความดันโลหิต และ
ระดับไขมัน cholesterol ให้ลดลงด้วย
การลดปริมาณอาหารที่รับทานลง สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
เราเรียกการลดปริมาณอาหารลง สามารถลดการต่อต้านของร่างกายทีมีต่อ
อินซูลินได้ และยังช่วยลดความดันโลหิต และ
ระดับไขมัน cholesterol ให้ลดลงด้วย
การออกกำลังกาย (Exercise)
ให้พยายามออกกำลังกายทุกวัน วันละ 30 นาที
การออกกำลังกายสามารถทำให้สิ่งต่อไปนี้ดีขึ้น
Ø ระดับไขมัน cholesterol
Ø ระดับของน้ำตาลในเลือด
Ø การต่อต้านอินซูลินของร่างกาย (insulin resistance)
Ø ความดันโลหิตสูง
การออกกำลังกาย ถือว่าเป็นหลักสำคัญสำหรับการรักษาโรคเบาหวาน
การออกกำลังกาย สามารถทำให้ท่านสามารถทำงานได้ดีขึ้น
Ø ระดับของน้ำตาลในเลือด
Ø การต่อต้านอินซูลินของร่างกาย (insulin resistance)
Ø ความดันโลหิตสูง
การออกกำลังกาย ถือว่าเป็นหลักสำคัญสำหรับการรักษาโรคเบาหวาน
การออกกำลังกาย สามารถทำให้ท่านสามารถทำงานได้ดีขึ้น
การใช้ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด
(Use medicines to lower blood sugar)
(Use medicines to lower blood sugar)
อาหาร และการออกกำลังกาย จะถูกนำมาใช้ร่วมกับยารักษาโรค
ซึ่งสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างปลอดภัย
ซึ่งสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด ให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างปลอดภัย
หลีกเลี่ยงจากการสูบบุหรี่ (Avoid smoking)
การสูบบุหรี่ จะทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคของหลอดเลือดแดงได้เพิ่มมากขึ้น
ความเสี่ยงต่อการเกิด heart attack หรือเสี่ยชีวิตก่อนวัยอันควร
ซึ่งอาจเพิ่มสูงถึง 40 % สำหรับคนที่สูบบุหรี่
นอกจากนั้น การสูบบุหรี่ ยังเพิ่มการทำลายไตในคนเป็นโรคเบาหวาน
ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่กำลังสูบบุหรี่...ท่านควรเลิกสูบเสีย
การสูบบุหรี่ จะทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคของหลอดเลือดแดงได้เพิ่มมากขึ้น
ความเสี่ยงต่อการเกิด heart attack หรือเสี่ยชีวิตก่อนวัยอันควร
ซึ่งอาจเพิ่มสูงถึง 40 % สำหรับคนที่สูบบุหรี่
นอกจากนั้น การสูบบุหรี่ ยังเพิ่มการทำลายไตในคนเป็นโรคเบาหวาน
ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่กำลังสูบบุหรี่...ท่านควรเลิกสูบเสีย
ถ้าท่านมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ จงรับทานแอสไพริน
(If you Have Extra Risk, Take an Aspirin)
(If you Have Extra Risk, Take an Aspirin)
คนเป็นโรคเบาหวาน มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหวใจ และเส้นเลือดแดง
ได้ถึง 2 – 4 เท่า ซึ่งตามเป็นจริง คนเป็นเบาหวานเมื่ออายุมากกว่า 65
มีโอกาสเสียชีวิตจากภาวะหัวใจถูกทำลาย (heart attack) 68 %
และเกิดภาวะสมองถูกทำลาย (stroke) ได้ 16 % ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้
ดังนั้น เขาจึงแนะนำให้รับทาน Aspirin ทุกวัน สำหรับคนที่
มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าว
ได้ถึง 2 – 4 เท่า ซึ่งตามเป็นจริง คนเป็นเบาหวานเมื่ออายุมากกว่า 65
มีโอกาสเสียชีวิตจากภาวะหัวใจถูกทำลาย (heart attack) 68 %
และเกิดภาวะสมองถูกทำลาย (stroke) ได้ 16 % ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้
ดังนั้น เขาจึงแนะนำให้รับทาน Aspirin ทุกวัน สำหรับคนที่
มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าว
ในปี 2010 ปรากฏว่า มีสามกลุ่มที่เห็นด้วยกับคำแนะนำให้ใช้ยา aspirin
ในคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวาน ทั้งสามที่กล่าวถึง คือ The American
Diabetes Association, The American Heart Association และ The
American College of Cardiology Foundation
สำหรับกลุ่มคนที่เคยมีประวัติ heart attack หรือ stroke จะมีความเสี่ยง
สูง พวกนี้ควรได้รับยา aspirin ทุกวัน
แต่ประโยชน์จากการใช้ยา aspirin เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด heart attack หรือ stroke
เป็นครั้งแรกนั้น จะไม่เหนือกว่าอันตรายที่จะเกิดจากการใช้แอสไพรินเลย
ที่น่ากลัวคือ อันตรายจากการมีเลือดออกนั้นเอง
ดังนั้น เราต้องระวัง
ดังนั้น เราต้องระวัง
ผู้ใหญ่ที่เป็นเบาหวาน ไม่จำเป็นต้องได้รับแอสไพรินทุกราย
คนที่ไม่มีประวัติว่ามีโรคหัวใจ และเส้นเลือด จะรับทานแอสไพรินก็ต่อเมื่อ
เขาผู้นั้นมีโอกาสที่จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ heart attack หรือ stroke
ภายในระยะเวลาสิบปีข้างหน้าเท่านั้น
ชายส่วนใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 50 และ หญิงส่วนใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 60
จะถูกพิจารณาว่า มีความเสี่ยงสูง เมื่อเขามีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญตั้งแต่หนึ่ง
อย่างขึ้นไป ดังนี้
Ø สูบบุหรี่
Ø ความดันโลหิตสูง
Ø ปัญหาเรื่องไขมันในเลือด
Ø สมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุยังเยาว์
Ø มีโปรตีนในปัสสาวะจากโรคไต ซึ่งเกิดจากเบาหวาน
Ø สูบบุหรี่
Ø ความดันโลหิตสูง
Ø ปัญหาเรื่องไขมันในเลือด
Ø สมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหัวใจตั้งแต่อายุยังเยาว์
Ø มีโปรตีนในปัสสาวะจากโรคไต ซึ่งเกิดจากเบาหวาน
ขนาดของแอสไพริน ท่านอาจใช้แอสไพริน 75 – 81 mg หรือ 162 mg/วัน
อย่ารับทานแอสไพริน ถ้าท่านมีประวัติต่อไปนี้:
Ø แพ้แอสไพริน
Ø มีปัญหาด้านการมีเลือดออกง่าย
Ø มีประวัติเคยมีเลือดออกทางลำไส้ และ
Ø มีโรคตับอย่างชัดเจน
continued 2: การควบคุมระดับความดันโลหิต & ไขมัน
Ø แพ้แอสไพริน
Ø มีปัญหาด้านการมีเลือดออกง่าย
Ø มีประวัติเคยมีเลือดออกทางลำไส้ และ
Ø มีโรคตับอย่างชัดเจน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น