8/23/12
Continued 5
การวินิจฉัยโรค (diagnosis)
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า
เพื่อนของเราเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือด lymphoma ?
การวินิจฉัยโรคใด ๆ ก็ตามจำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการถามประวัติการเกิดโรค
และการตรวจร่างกาย แพทย์ผู้เกี่ยวข้อง จะทำการซักประวัติเกี่ยวกับอาการของโรค
ว่า เกิดเมื่อใด , ซักถามประวัติเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บทั้งอดีต และ ปัจจุบัน,
ประวัติการรับทานยาต่าง ๆ, ตลอดรวมไปถึงประวัติของสุขภาพ, ครอบครัว, อุปนิสัย
และ พฤติกรรม.
ต่อจากนั้น แพทย์จะทำการตรวจร่างกายโดยละเอียด
ถ้าแพทย์เกิดความสงสัยว่า คนไข้อาจเป็นโรค lymphoma เมื่อใด
แพทย์เขาจะทำการตรวจอีกหลายอย่าง เพื่อสูจน์ยืนยันว่า
คนไข้เป็นโรค lymphoma หรือไม่ ?
เพื่อนของเราเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือด lymphoma ?
การวินิจฉัยโรคใด ๆ ก็ตามจำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการถามประวัติการเกิดโรค
และการตรวจร่างกาย แพทย์ผู้เกี่ยวข้อง จะทำการซักประวัติเกี่ยวกับอาการของโรค
ว่า เกิดเมื่อใด , ซักถามประวัติเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บทั้งอดีต และ ปัจจุบัน,
ประวัติการรับทานยาต่าง ๆ, ตลอดรวมไปถึงประวัติของสุขภาพ, ครอบครัว, อุปนิสัย
และ พฤติกรรม.
ต่อจากนั้น แพทย์จะทำการตรวจร่างกายโดยละเอียด
ถ้าแพทย์เกิดความสงสัยว่า คนไข้อาจเป็นโรค lymphoma เมื่อใด
แพทย์เขาจะทำการตรวจอีกหลายอย่าง เพื่อสูจน์ยืนยันว่า
คนไข้เป็นโรค lymphoma หรือไม่ ?
ในบางกรณี อาจมีการส่งต่อคนไข้ไปยังผู้เชี่ยวชาญทางโรคเลือดเลย
(Hematologist/oncologist)
(Hematologist/oncologist)
การตรวจเลือด (Blood tests)
§ แพทย์สั่งตรวจเลือด เพื่อดูการทำงานของเม็ดเลือดทั้งหลาย, ตลอดรวมถึง
การทำงานของ อวัยวะที่สำคัญ ๆ เช่น ไต และ ตับ
§ ตรวจสารเคมีบางอย่าง หรือ เอ็นไซม์บางชนิด เช่น lactate dehydrogenase (LDH)
ในคนไข้ที่เป็นโรค non-Hodgdin’s lymphoma ที่มีเอ็ยไซม์ LDH ในปริมาณสูง ๆ
มันบ่งบอกให้ทราบว่า โรคมะเร็งดังกล่าว ชักจะไม่ค่อยดีซะแล้ว (severe)
§ นอกเหนือจากนั้น อาจมีการตรวจอย่างอื่น
เช่น เป็นการตรวจดูโรคมะเร็ง ประเภทย่อย (subtypes of lymphoma)
การทำงานของ อวัยวะที่สำคัญ ๆ เช่น ไต และ ตับ
§ ตรวจสารเคมีบางอย่าง หรือ เอ็นไซม์บางชนิด เช่น lactate dehydrogenase (LDH)
ในคนไข้ที่เป็นโรค non-Hodgdin’s lymphoma ที่มีเอ็ยไซม์ LDH ในปริมาณสูง ๆ
มันบ่งบอกให้ทราบว่า โรคมะเร็งดังกล่าว ชักจะไม่ค่อยดีซะแล้ว (severe)
§ นอกเหนือจากนั้น อาจมีการตรวจอย่างอื่น
เช่น เป็นการตรวจดูโรคมะเร็ง ประเภทย่อย (subtypes of lymphoma)
การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ (Biopsy)
ถ้าปรากฏว่า คนไข้มีก้อน หรืออาการบวมปรากฏให้เห็น...
แพทย์จะสั่งให้มีการตัดชิ้นเนื้อเอาไปทำการตรวจโดยพยาธิแพทย์
เราเรียกวิธีการตรวจเช่นนั้นว่า biopsy ซึ่งมีวิธีการมากมายให้ทำเช่นนั้นได้
เช่น:
แพทย์จะสั่งให้มีการตัดชิ้นเนื้อเอาไปทำการตรวจโดยพยาธิแพทย์
เราเรียกวิธีการตรวจเช่นนั้นว่า biopsy ซึ่งมีวิธีการมากมายให้ทำเช่นนั้นได้
เช่น:
§ ถ้าเราสามารถมองเห็นก้อน หรือสามารถคลำได้ และง่ายต่อการทำ biopsy แพทยเรา
ก็สามารถใช้เข็มทำการเจาะเอาชิ้นเนื้อมาทำการตรวจได้ เราเรียกว่า Core needle biopsy
ซึงสามารถกระทำได้ง่าย ภายใต้การฉีดยาชาเฉพาะที่ได้
§ ในบางราย เนื่องจากการใช้เข็มเจาเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ อาจไม่ได้เนื้อที่ดีเพื่อการตรวจ
ในกรณีดังกล่าว แพทย์อาจตัดสินใจเอาต่อมน้ำเหลืองทั้งก้อนออกมาตรวจ
เราเรียกวิธีการนี้ว่า surgical biopsy
การตัดชิ้นเนื้อดังกล่าวมาทำการตรวจ อาจกระทำภายใต้ยาชา หรือ ดมยาสลบ
§ ถ้าก้อนไม่อยู่ใต้ผิวหนัง แต่อยู่ลึกลงไปในร่างกาย การเอาเนื้อมาตรวจเริ่มจะยุ่งยากขึ้น
ในกรณีดังกล่าว อาจจำเป็นต้องใช้กล้องส่องเข้าไปในช่องท้อง(labparoscopy)
ซึ่งเครื่องมือที่ใช้เรียกว่า laparoscope เป็นวิธีการที่ใช้สายติดกล้องผ่านแผลเล็กที่หน้า
ท้องผ่านเข้าไปในช่องท้อง สามารถมองเห็นอวัยวะต่าง ๆ ทั้งปกติ และผิดปกติ
ภาพต่าง ๆ ภายในช่องท้อง จะปรากฏทางจอ video monitot ให้แพทย์ และทุกคนทีอยู่
รอบข้างเห็นได้ จากนั้น แพทย์สามารถใช้เครื่องมือที่อยู่ส่วนปลายของเครื่องมือ
ตัดเอาชิ้นเนื้อไปทำการตรวจได้
§ แพทย์ทางพยาธิวิทยา คือแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการวินิจฉัยโรคด้วยการดูเซลล์
และเนื้อเยื่อด้วยกล้องจุลทรรศน์ ซึ่งแพทย์จะเป็นคนรายงานให้ทราบว่า
ผลเนื้อเยื่อที่ได้นั้น เป็น lymphomaหรือไม่
การตรวจด้วยภาพ (Imaging studies)
ในกรณีที่ไม่มีก้อนปรากฏให้เห็น หรือคลำได้...
ถ้าคนไข้มีอาการ แพทย์อาจต้องทำการสั่งตรวจเพื่อพิสูจน์ว่า มีก้อนหรือไม่
ถ้าผลปรากฏว่า มีก้อนจริง จากนั้นเขาจะมาพิจารณาว่า จะตัดเอาชิ้นเนื้อมาตรวจอย่างไร ?
ถ้าคนไข้มีอาการ แพทย์อาจต้องทำการสั่งตรวจเพื่อพิสูจน์ว่า มีก้อนหรือไม่
ถ้าผลปรากฏว่า มีก้อนจริง จากนั้นเขาจะมาพิจารณาว่า จะตัดเอาชิ้นเนื้อมาตรวจอย่างไร ?
การตรวจด้วยภาพที่ถูกนำมาใช้ได้แก่:
§ X-rays: บางส่วนของร่างกาย สามารถตรวจด้วยภาพเอกซเรย์ง่าย
บางครั้ง สามารถตรวจพบ lymphoma ได้
§ CT scans: เป็นตรวจด้วยภาพสามมิติ มีความละเอียด และอาจตรวจพบต่อมน้ำเหลือง
ที่มีขนาดใหญ่ และ ก้อนต่างๆ ภายในร่างกายได้
§ MRI: จะมลักษณะเหมือนกับ CT scans, MRI จะให้ภาพสามมิติ
ที่มีรายละเอียดมาก มันสามารถให้รายละเอียดได้มากกว่า CT scans โดยเฉพาะ การ
ตรวจดูพยาธิสภาพที่สมอง และ ไขประสาทสันหลัง
§ Lymphangiogram: การตรวจวิธีหนี้ จะได้ภาพเกี่ยวกับระบะน้ำเหลือง
โดยการติดตามดูสารทึกแสง ที่เคลื่อนไปตามระบบ
ซึ่งต่อมาภายหลัง ถูกแทนที้ดวย CT scans, MRI, หรือ PET (ดูข้อความถัดไป
§ Gallium scan: มะเร็งเม็ดเลือด lymphoma มีแนวโน้มที่จะจับเอาสาร ชื่อ gallium
ซึ่ง เป็นสารกัมมันตภาพรังสี เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายด้วยจำนวนเพียงเล็กน้อย
สารกัมมันตภาพรังสีดังกล่าจะร่วมตัวอยู่ในบริเวณที่เป็น lymphoma
§ Positron-emission tomographic (PET) scans เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่นำมาใช้ในการตรวจ
หามะเร็ง lymphoma ซึ่งกระทำโดยแรฉีดสารกัมมันตภาพรังสีเข้าสู่ร่างกาย
แล้วติดตามดู PET scans
ตำแหน่งที่มีสารกัมมันตภาพรังสีรวมตัวอยู่จะบ่งบอกให้ทราบว่า ตรงบริเวณดังกล่าว
มีกระบวนการเผาผลาญสูง (increased metabolic Activity)
ซึ่งปรากฏให้เห็นทาง PET scans โดยบอกให้รู้ว่า น่าจะเป็นมะเร็ง
§ X-rays: บางส่วนของร่างกาย สามารถตรวจด้วยภาพเอกซเรย์ง่าย
บางครั้ง สามารถตรวจพบ lymphoma ได้
§ CT scans: เป็นตรวจด้วยภาพสามมิติ มีความละเอียด และอาจตรวจพบต่อมน้ำเหลือง
ที่มีขนาดใหญ่ และ ก้อนต่างๆ ภายในร่างกายได้
§ MRI: จะมลักษณะเหมือนกับ CT scans, MRI จะให้ภาพสามมิติ
ที่มีรายละเอียดมาก มันสามารถให้รายละเอียดได้มากกว่า CT scans โดยเฉพาะ การ
ตรวจดูพยาธิสภาพที่สมอง และ ไขประสาทสันหลัง
§ Lymphangiogram: การตรวจวิธีหนี้ จะได้ภาพเกี่ยวกับระบะน้ำเหลือง
โดยการติดตามดูสารทึกแสง ที่เคลื่อนไปตามระบบ
ซึ่งต่อมาภายหลัง ถูกแทนที้ดวย CT scans, MRI, หรือ PET (ดูข้อความถัดไป
§ Gallium scan: มะเร็งเม็ดเลือด lymphoma มีแนวโน้มที่จะจับเอาสาร ชื่อ gallium
ซึ่ง เป็นสารกัมมันตภาพรังสี เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายด้วยจำนวนเพียงเล็กน้อย
สารกัมมันตภาพรังสีดังกล่าจะร่วมตัวอยู่ในบริเวณที่เป็น lymphoma
§ Positron-emission tomographic (PET) scans เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่นำมาใช้ในการตรวจ
หามะเร็ง lymphoma ซึ่งกระทำโดยแรฉีดสารกัมมันตภาพรังสีเข้าสู่ร่างกาย
แล้วติดตามดู PET scans
ตำแหน่งที่มีสารกัมมันตภาพรังสีรวมตัวอยู่จะบ่งบอกให้ทราบว่า ตรงบริเวณดังกล่าว
มีกระบวนการเผาผลาญสูง (increased metabolic Activity)
ซึ่งปรากฏให้เห็นทาง PET scans โดยบอกให้รู้ว่า น่าจะเป็นมะเร็ง
การตรวจไขกระดูก (Bone marrow examination)
ส่วนใหญ่แล้ว การตรวจไขกระดูกจะมีความจำเป็นในกรณีที่ไขกระดูกถูกทำลาย
โดยมะเร็ง lymphoma ซึ่งกระทำโดยการเจาะเอาไขกระดูกไขกระดูก
จากกระดูกบริเวณสะโพก เช่น กระดูก iliac crest ให้แพทย์ทางพยาธิวิทยา
ทำการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ สิ่งที่แพทย์เขามองหา คือ
เซลล์ที่ผิดปกติของ B หรือ T cells เป็นการยืนยันว่า
คนไข้รายนั้นเป็นโรค lymphoma
การตรวจอย่างอื่น ๆ (Other tests)
§ Lumbar puncture: การตรวจชนิดนี้ บางทีเราเรียก spinal tap
เป็นการตรวจเอาน้ำจากไขสันหลังมาทำการตรวจ ในกรณีที่มะเร็งเข้าไป
เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลางเมื่อใด น้ำที่เจากไขสันหลัง จะพบ
เซลล์ของ lymphoma ได้
§ Organ function tests: เป็นการตรวจก่อนให้ที่เริ่มให้การรักษาโรค
เพื่อให้แน่ใจว่า สภาพของคนไข้แข็งแรงดีพอที่จะผ่านการรักษา
สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยา เช่น การตรวจดูการทำงานของหัวใจ
echocardiogram และ การตรวจดูการทำงานของปอด (pulmonary test)
ส่วนใหญ่แล้ว การตรวจไขกระดูกจะมีความจำเป็นในกรณีที่ไขกระดูกถูกทำลาย
โดยมะเร็ง lymphoma ซึ่งกระทำโดยการเจาะเอาไขกระดูกไขกระดูก
จากกระดูกบริเวณสะโพก เช่น กระดูก iliac crest ให้แพทย์ทางพยาธิวิทยา
ทำการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ สิ่งที่แพทย์เขามองหา คือ
เซลล์ที่ผิดปกติของ B หรือ T cells เป็นการยืนยันว่า
คนไข้รายนั้นเป็นโรค lymphoma
การตรวจอย่างอื่น ๆ (Other tests)
§ Lumbar puncture: การตรวจชนิดนี้ บางทีเราเรียก spinal tap
เป็นการตรวจเอาน้ำจากไขสันหลังมาทำการตรวจ ในกรณีที่มะเร็งเข้าไป
เกี่ยวข้องกับระบบประสาทส่วนกลางเมื่อใด น้ำที่เจากไขสันหลัง จะพบ
เซลล์ของ lymphoma ได้
§ Organ function tests: เป็นการตรวจก่อนให้ที่เริ่มให้การรักษาโรค
เพื่อให้แน่ใจว่า สภาพของคนไข้แข็งแรงดีพอที่จะผ่านการรักษา
สามารถทนต่อผลข้างเคียงของยา เช่น การตรวจดูการทำงานของหัวใจ
echocardiogram และ การตรวจดูการทำงานของปอด (pulmonary test)
อ่านต่อ กด 6 : Lympoma Staging
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น