8/23/12
Continued 8
Continued 8
ในการรักษาคนไข้โรค lymphoma...
แพทย์ทั่วไป ไม่มีโอกาสได้ทำการรักษาคนไข้เหล่านี้
ส่วนใหญ่ คนไข้จะได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง ที่ทำการรักษามะเร็งโดยเฉพาะ
(oncologists) ซึ่งตามเป็นจริง อาจมีหลายคนที่มีส่วนร่วมในการรักษาโรคดังกล่าว
ที่สำคัญ คนไข้มีสิทธิในการเลือกวิธีการรักษา ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวยให้
สิ่งที่เราควรทราบ:
v แม้ว่าการรักษาโรค lymphoma เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับว่า
มีรูปแบบเป็นมาตรฐานก็ตาม แต่ แพทย์ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามรูปแบบเดียวกัน
v คนไข้เอง อาจพูดกับแพทย์เฉพาะทาง (oncologists) ได้มากกว่าคน
เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมสำหรับตนได้
v สำหรับแพทย์คนแรก ที่การรักษา เช่น แพทย์ประจำ และสมาชิกในครอบครัว
หรือ เพื่อน หรือ หน่วยงานอื่น ๆ สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเช่วยเหลือได้
v เมื่อมีการตัดสินใจว่า จะให้แพทย์ท่านใดทำการรักษาแล้ว
ท่านมีโอกาสที่จะถามคำถาม และ ปรึกษาถึงแผนการรักษาได้
แพทย์จะบอกให้ท่านได้ทราบถึงวิธีการรักษาในแต่ละวิธี
อธิบายถึงผลดีผลเสียให้ท่านได้รับทราบ พร้อมกับให้คำแนะนำแกท่าน
โดยมีพื้นฐานจากข้อมูลที่ได้จากวารสารที่ตีพิมพ์ หรือ จากประสบการณ์ของแพทย์เอง
v การรักษามะเร็ง lymphoma จะขึ้นกับชนิด (type) และระยะ (stage) ของโรค ,
ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ, สุขภาพโดยรวม, การรักษาที่ท่านได้รับมาก่อน
จะนำมาพิจารณาในการตัดสินวีการรักษา
v ผลการตัดสินใจว่า จะทำการรักษาแบบใด จะขึ้นกับแพทย์ผู้ทำการรักษา
(ซึ่งได้ข้อมูลจากทีมที่ทำการรักษา) รวมถึงสมาชิกในครอบครัวของคนไข้
และ คำตัดสินสุดท้ายว่า จะรักษาแบบใด เป็นของคนไข้แต่เพียงผู้เดียว
v ที่สำคัญ ท่านจะต้องแน่ใจว่า เขาจะทำอะไร?, ทำไม ?, และ
เราคาดหวังอะไรจากการตัดสินใจเช่นนั้น
v เหมือนกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ Lymphoma มีโอกาสหายได้ ถ้าได้รับการวินิจฉัยได้เร็วไว
พร้อมกับให้การรักษาทันที
v วิธีการรักษา ที่ใช้กันมากที่สุด สำหรับรักษา lymphoma คือ chemotherapy
และ radiation therapy
v Biological therapy ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากความสามารถของร่างกาย
ที่สามารถต่อสู้กับมะเร็งได้ ซึ่งสามารถใช้กับคนบางคน
เป้าหมายของการรักษาทางด้านการแพทย์ ต่อคนที่เป็นโรค lymphoma
คือ การทำให้โรคดีขึ้น คนไข้รูสึกดีขึ้น
ซึ่งหมายความว่า อาการของโรคหายไปเมื่อคนไข้ได้รับการรักษา
อาการดีขึ้น (remission) ไม่ได้หมายความถึงหายจากโรค (cure)
ภายใต้ภาวะ remission คนไข้ยังมี lymphoma cells อยู่ภายในร่างกาย
แต่ไม่สามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งได้ และ ไม่ทำให้เกิดมีอาการ
v ระหว่างที่คนไข้ไม่มีอาการ (remission) โรคมะเร็งอาจกลับมา
เราเรียกว่า recurrence
v ระยะเวลาของ remission จะขึ้นกับชนิด(type) ระยะ (stage) ขอมะเร็ง
ซึ่งอาจกินเวลาสองสามเดือน, สองสามปี, หรือ อาจตลอดชีวิตของคนไข้
v Remission ซึ่งกินเวลานาน เราเรียกว่า durable remission
ซึ่งนั้นแหละ คือเป้าหมายของการรักษา
v ระยะเวลาที่คนไข้ไม่มีอาการ (remission) จะเป็นตัวบ่งบอกให้ทราบ
ถึงความรุนแรงของโรค (aggressiveness) lymphoma และ การพยากรณ์โรค
ในคนไข้ที่มีระยะไม่มีอาการของโรค จะมีการพยากรณ์โรคที่ดี
อาการของคนเป็นโรค lymphoma….
สามารถเป็นได้แค่บางส่วนเท่านั้นเอง ซึ่งหมายความว่า
ขนาดของมะเร็งจะลดลน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของขนาดก่อนการรักษา
คำตอไปนี้ เป็นคำที่ใช้เรียก เมื่อมะเรงมีการสนองตอบต่อการรักษา:
v Improvement: หมายถึงก้อนมะเร็งฟ่อตัว แต่ขนาดยังมากกว่าครึ่งหนึ่ง
v Stable disease: โรค lymphoma ยังคงสภาพเหมือนเดิม
v Progression: โรคมีอาการเลวลง ระหว่างการรักษา
v Refractory disease: โรคจะต่อต้านการรักษา
ข้อความต่อไปนี้ นำมาใช้ในการรักษา:
v Induction therapy: เป็นการรักษาที่วางแผนไว้เพื่อทำให้เกิดอาการดีขึ้น
v ถ้าการรักษานั้น ไม่สามารถทำให้อาการหายไปโดยสิ้นเชิงได้ การรักษา
v อย่างอื่น หรือแตกต่างออกไป การรักษาชนิดนี้เรียก salvage therapy
v ภายหลังการรักษา เมื่อทำให้อาการหายไปแล้ว คนไข้อาจจำเป็นต้องได้
v รับการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เรียกว่า maintenance therapy
แพทย์ทั่วไป ไม่มีโอกาสได้ทำการรักษาคนไข้เหล่านี้
ส่วนใหญ่ คนไข้จะได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง ที่ทำการรักษามะเร็งโดยเฉพาะ
(oncologists) ซึ่งตามเป็นจริง อาจมีหลายคนที่มีส่วนร่วมในการรักษาโรคดังกล่าว
ที่สำคัญ คนไข้มีสิทธิในการเลือกวิธีการรักษา ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวยให้
สิ่งที่เราควรทราบ:
v แม้ว่าการรักษาโรค lymphoma เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับว่า
มีรูปแบบเป็นมาตรฐานก็ตาม แต่ แพทย์ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามรูปแบบเดียวกัน
v คนไข้เอง อาจพูดกับแพทย์เฉพาะทาง (oncologists) ได้มากกว่าคน
เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมสำหรับตนได้
v สำหรับแพทย์คนแรก ที่การรักษา เช่น แพทย์ประจำ และสมาชิกในครอบครัว
หรือ เพื่อน หรือ หน่วยงานอื่น ๆ สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับความเช่วยเหลือได้
v เมื่อมีการตัดสินใจว่า จะให้แพทย์ท่านใดทำการรักษาแล้ว
ท่านมีโอกาสที่จะถามคำถาม และ ปรึกษาถึงแผนการรักษาได้
แพทย์จะบอกให้ท่านได้ทราบถึงวิธีการรักษาในแต่ละวิธี
อธิบายถึงผลดีผลเสียให้ท่านได้รับทราบ พร้อมกับให้คำแนะนำแกท่าน
โดยมีพื้นฐานจากข้อมูลที่ได้จากวารสารที่ตีพิมพ์ หรือ จากประสบการณ์ของแพทย์เอง
v การรักษามะเร็ง lymphoma จะขึ้นกับชนิด (type) และระยะ (stage) ของโรค ,
ปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ, สุขภาพโดยรวม, การรักษาที่ท่านได้รับมาก่อน
จะนำมาพิจารณาในการตัดสินวีการรักษา
v ผลการตัดสินใจว่า จะทำการรักษาแบบใด จะขึ้นกับแพทย์ผู้ทำการรักษา
(ซึ่งได้ข้อมูลจากทีมที่ทำการรักษา) รวมถึงสมาชิกในครอบครัวของคนไข้
และ คำตัดสินสุดท้ายว่า จะรักษาแบบใด เป็นของคนไข้แต่เพียงผู้เดียว
v ที่สำคัญ ท่านจะต้องแน่ใจว่า เขาจะทำอะไร?, ทำไม ?, และ
เราคาดหวังอะไรจากการตัดสินใจเช่นนั้น
v เหมือนกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ Lymphoma มีโอกาสหายได้ ถ้าได้รับการวินิจฉัยได้เร็วไว
พร้อมกับให้การรักษาทันที
v วิธีการรักษา ที่ใช้กันมากที่สุด สำหรับรักษา lymphoma คือ chemotherapy
และ radiation therapy
v Biological therapy ซึ่งได้รับผลประโยชน์จากความสามารถของร่างกาย
ที่สามารถต่อสู้กับมะเร็งได้ ซึ่งสามารถใช้กับคนบางคน
เป้าหมายของการรักษาทางด้านการแพทย์ ต่อคนที่เป็นโรค lymphoma
คือ การทำให้โรคดีขึ้น คนไข้รูสึกดีขึ้น
ซึ่งหมายความว่า อาการของโรคหายไปเมื่อคนไข้ได้รับการรักษา
อาการดีขึ้น (remission) ไม่ได้หมายความถึงหายจากโรค (cure)
ภายใต้ภาวะ remission คนไข้ยังมี lymphoma cells อยู่ภายในร่างกาย
แต่ไม่สามารถตรวจพบเซลล์มะเร็งได้ และ ไม่ทำให้เกิดมีอาการ
v ระหว่างที่คนไข้ไม่มีอาการ (remission) โรคมะเร็งอาจกลับมา
เราเรียกว่า recurrence
v ระยะเวลาของ remission จะขึ้นกับชนิด(type) ระยะ (stage) ขอมะเร็ง
ซึ่งอาจกินเวลาสองสามเดือน, สองสามปี, หรือ อาจตลอดชีวิตของคนไข้
v Remission ซึ่งกินเวลานาน เราเรียกว่า durable remission
ซึ่งนั้นแหละ คือเป้าหมายของการรักษา
v ระยะเวลาที่คนไข้ไม่มีอาการ (remission) จะเป็นตัวบ่งบอกให้ทราบ
ถึงความรุนแรงของโรค (aggressiveness) lymphoma และ การพยากรณ์โรค
ในคนไข้ที่มีระยะไม่มีอาการของโรค จะมีการพยากรณ์โรคที่ดี
อาการของคนเป็นโรค lymphoma….
สามารถเป็นได้แค่บางส่วนเท่านั้นเอง ซึ่งหมายความว่า
ขนาดของมะเร็งจะลดลน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของขนาดก่อนการรักษา
คำตอไปนี้ เป็นคำที่ใช้เรียก เมื่อมะเรงมีการสนองตอบต่อการรักษา:
v Improvement: หมายถึงก้อนมะเร็งฟ่อตัว แต่ขนาดยังมากกว่าครึ่งหนึ่ง
v Stable disease: โรค lymphoma ยังคงสภาพเหมือนเดิม
v Progression: โรคมีอาการเลวลง ระหว่างการรักษา
v Refractory disease: โรคจะต่อต้านการรักษา
ข้อความต่อไปนี้ นำมาใช้ในการรักษา:
v Induction therapy: เป็นการรักษาที่วางแผนไว้เพื่อทำให้เกิดอาการดีขึ้น
v ถ้าการรักษานั้น ไม่สามารถทำให้อาการหายไปโดยสิ้นเชิงได้ การรักษา
v อย่างอื่น หรือแตกต่างออกไป การรักษาชนิดนี้เรียก salvage therapy
v ภายหลังการรักษา เมื่อทำให้อาการหายไปแล้ว คนไข้อาจจำเป็นต้องได้
v รับการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เรียกว่า maintenance therapy
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น