วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Diabetic Autonomic Neuropathy

8/10/12

เมื่อโรคเบาหวานทำลายประสาทอัตโนมัติ...
ถือเป็นปากฎการณ์  ที่ยากต่อการจัดการเป็นอย่างยิ่ง

โรคเบาหวาน....
เมื่อไม่ได้รับการรักษาได้อย่างเหมาะสม 
สามารถทำอันตรายให้เกิดขึ้นกับระบบประสาทอัตโนมัติ 
โดยตัวของมันเองแล้ว  เป็นระบบประสาทที่อยู่เหนือการควบคุมซะด้วย 
ซึ่งได้แก่

o   การย่อยอาหาร
o   การขับถ่ายปัสสาวะ
o   การเต้นของหัวใจ  และความดันโลหิต
o   การไหลเวียนของโลหิต และ
o   การทำงานทางกิจกรรมทางเพศ

นอกเหนือจากโรคเบาหวาน  ทำให้เกิดประสาทอัตโนมัติถูกทำลายแล้ว
ยังปรากฏว่า  ยังมีสาเหตุอื่นอีก เช่น

o   โรคทางพันธุกรรม
o   สารพิษ
o   ขาดสารอาหารบางอย่าง และ
o   โรคทางระบบคุมกัน

บางครั้ง  เราไม่สามารถทราบได้ว่า 
เส้นประสาทดังกล่าวถูกทำลายได้อย่างไร
อาการที่เกิดจะแตกต่างกัน  ขึ้นกับว่า  เส้นประสาทเส้นใดถูกทำลาย

o   ปัญหาของกระเพาะอาหาร  และการขับถ่าย
ระบบประสาทอัตโนมัติ  ที่ทำหน้าที่ควบคุมการขับเคลื่อนของกระเพาะ  และ  ลำไส้ 
ด้วยการควบคุมกระเพาะให้ขับเคลื่อนอาหาร ด้วยการบีบตัว

เมื่อเส้นประสาทเส้นดังกล่าว  ถูกทำลาย  การทำงานตามที่กล่าวจะเสียไป
ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้  ท้องล่วง  หรือ ท้องผูก

มีปัญหาต่าง ๆ  เกี่ยวกับการกลืนอาหาร  และ การขับถ่ายสามารถเกิดขึ้นได้
บางครั้ง  การบีบตัวของกระเพาะดำเนินไปได้ช้ามาก
เป็นเหตุให้อาหารเกิดการตกค้างในกระเพาะอาหาร 

o   เกิดอาการวิงเวียน เมื่อลุกขึ้นยืน
เมื่อคนเราเปลี่ยนแปลงท่าทาง  เช่นจากท่านั่ง หรือนอน  เป็นยืนขึ้น 
เป็นหน้าที่ของระบบประสาทอัตโนมัติ  ช่วยทำให้ความดันโลหิตอยู่ในระดับปกติ   
สามารถทำให้เลือดไหลเวียนจากส่วนล่างของร่างกาย สู่ร่างกายส่วนบนได้ 

ในขณะที่เรายืนขึ้น  ความถ่วงของโลก (gravity)
จะทำให้เลือดของเรารวมตัวอยู่ทางด้านล่างของร่างกาย (ขา) ตามแรงถ่วงของโลก
ถ้าร่างากายของคนเราอยู่ในสภาพปกติ    เส้นเลือดทั้งหลาย
จะบีบตัวทำให้เลือดไหลได้ตามปกติ...
นั่นเป็นหน้าที่ของระบบประสาทอัตโนมัต

เมื่อระบบประสาทอัตโนมัติถูกทำลายไป..
การไหลเวียนของเลือดจากด้านล่างสู่ส่วนบนของร่างกาย  จะเสียไป
ทำให้ความดันโลหิตในขณะลุกยืนลดต่ำลง  ทำให้เกิดอาการ วิงเวียน (dizziness)

o   ความสามารถในการทำงาน  หรือออกกำลังกายลดลง 
เมื่อเส้นประสารทอัตโนมัติ  ที่ควบคุมการทำงานของหัวใจถูกทำลาย (damage)
สามารถทำให้ความสามารถ  ในการทำงานของหัวใจลดลง 
เช่น  ในขณะออกกำลังกาย  หัวใจไม่สามารถฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ
ได้ตามปกติ  จะทำให้เราเกิดความรู้สึกอ่อนเพลียได้ง่าย

o   มีปัญหาด้านเพศสัมพันธ์
อาการที่พบได้บ่อยสุดจากระบบประสาทอัตโนมัติ 
ที่ถูกทำลายในคนเป็นเบาหวาน  คือ การสูญเสียความรู้สึกทางเพศของชาย

มีรายงานจากการศึกษาชิ้นหนึ่ง  พบว่า 
คนเป็นโรคเบาหวานประเภทหนึ่ง (DM1)  ที่เป็นชาย...ประมาณ 50 %
จะเกิดการสูญเสียความรู้สึกทางเพศตอนอายุ 43
ภาวะดังกล่าว  ถูกเรียกว่า erectile dysfunction

มีสตรีเป็นโรคเบาหวาน  จำนวนหนึ่ง 
จะรู้สึกว่า  การตอบสนองทางเพศของเธอจะลดลงไป 
บางรายกล่าวว่า  ช่องคลอดของเธอเกิดอาการแห้งขึ้นมา
ซึ่งต่างเป็นปัญหาเกิดจาก  เส้นประสาทอัตโนมัติถูกทำลาย

นอกจากนั้น  โรคเบาหวานยังเป็นต้นเหตุให้เกิดการทำลายเส้นเลือดแดง
ซึ่ง  มักจะเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาทางเพศได้

o   ปัญหาด้านขับถ่ายปัสสาวะ
เมื่อเส้นประสาทของกระเพาะปัสาวะถูกทำลาย 
จะเป็นเหตุให้กระเพาะปัสสาวะ   บรรจุน้ำปัสสาวะมากเกินไป (overfill) 
เป็นเหตุให้เกิดการอักเสบของทางเดินของปัสสาวะ 
หรือเกิดอาการปัสสาวะเล็ดได้ (ควบคุมไม่ได้)

การทำลายระบบประสาทอัตโนมัติในโรคเบาหวาน  จะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ 
มันมักจะเกิดขึ้น  เมื่อโรคเบาหวานถูกวินิจฉัยได้เป็นเวลาหลายปี

ที่น่ากลัว  คือ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เลย
แต่โชคยังดี  ที่เราสามารถป้องกัน  ไม่ให้เกิดการทำลายระบบประสาทอัตโนมัติได้ 
หรืออย่างน้อย ๆ ชะลอให้เกิดการทำลายได้ช้าที่สุดได้
โดยวิธีการควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับไกล้เคียงกับระดับปกติ
การสูบบุหรี่  สามารถทำให้เส้นประสาทที่ถูกทำลายไปแล้ว  เลวลงไปอีก
ดังนั้น  เป็นหน้าที่ของท่านเอง  ที่ต้องยุติการสูบบุหรี่เสีย
สุดท้าย  แพทย์จะแนะนำให้ท่านรับทานอาหารที่ดี  มีสารอาหารครบทุกหมวดหมู่ 
งดเว้นการดื่ม หรือดื่มให้น้อยที่สุด

ในการรีกษาระบบประสาทอัตโนมัติถูกทำลาย
เราสามารถกระทำได้เพียงแค่รักษาอาการที่เกิดขึ้นเท่านั้น
แต่ไม่สามารถทำให้การทำงานของระบบประสาทที่เสียไปกลับคืนเหมือนเดิมได้
จากการรักษา  ร่วมถึงกรรมวิธีต่าง ๆ สามารถชดเชยส่วนที่เสียไปได้

ยกตัวอย่าง  ถ้าท่านเกิดมีอาการวิงเวียนตอนเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นยืน...
ท่านอาจช่วยเหลือตัวเองด้วยการกระดกข้อเท้า  และ เกร็งกล้ามเนื้อน่อง (calf)
หลายๆ ครั้งก่อนลุกขึ้นยืน,  สรวมผ้ายืด (stockings), 
เพิ่มอาหารประเภทเกลือ  และยาบางอย่าง  สามรถช่วยเหลือท่านได้บ้าง
เวลาลุกขึ้นยืนจากท่านอน  ให้ค่อย ๆ ลุก  จากท่านอนเป็นท่านั่ง 
ให้นั่งพักสักสอง สามวินาที  ก่อนลุกขึ้นยืนอย่างช้า

ในกรณีของ erectile dysfunction
มีวิธีการรักษามากมาย  สามารถนำมาใช้ได้  เช่นใช้ ยา Sidenafil (Viagra),
Tadalafil (Cialis) และ vardenafil (Levitra) 
จัดเป็นยาที่ถูกนำมาใช่กันบ่อย

สำหรับปัญหาด้านการทำงานกระเพาะอาหาร...
ยาอาจช่วยให้การขับเคลื่อน หรือ การบีบตัวของกระเพาะดีขึ้น
การเปลี่ยนแปลงอาหาร  สามารถลดอาการท้องผูกได้

ถ้าที่ท่านมีปัญหาเรื่องกระเพาะบรรจุปัสสาวะเกินจำนวน (overfill)
วิธีแก้ไข  สามารถกระทำได้ด้วยการวางแผนการถ่ายปัสสาวะให้บ่อยขึ้น


http://www.intelihealth.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น