8/3/12
ถ้าท่านเป็นคนหนึ่งที่เป็นโรคเบาหวาน....
ไม่เคยออกกกำลังการเลย ทางที่ดี ท่านต้องเริ่มเต้นด้วยการออกกำลังกายสัก
สิบ ถึงสิบห้านาที วัยละสามครั้ง หรืออย่างน้อย ให้ได้วันละ อย่างน้อย 30 นาที
การออกกำลังกายนอกบ้าน จะได้รับอากาสบริสุทธ์ ดีกว่าการออกกำลังกายในบ้านเป็นไหน ๆ
โดยท่านอาจออกกำลังกายร่วมกับเพื่อน ได้ชมทิวทัศน์ที่อยู่รอบ ๆ ไปพร้อมๆกัน
ไม่เคยออกกกำลังการเลย ทางที่ดี ท่านต้องเริ่มเต้นด้วยการออกกำลังกายสัก
สิบ ถึงสิบห้านาที วัยละสามครั้ง หรืออย่างน้อย ให้ได้วันละ อย่างน้อย 30 นาที
การออกกำลังกายนอกบ้าน จะได้รับอากาสบริสุทธ์ ดีกว่าการออกกำลังกายในบ้านเป็นไหน ๆ
โดยท่านอาจออกกำลังกายร่วมกับเพื่อน ได้ชมทิวทัศน์ที่อยู่รอบ ๆ ไปพร้อมๆกัน
การออกกำลังกายกายด้วยการเดิน อาจเป็นการออกกำลังกายที่ดีสำหรับท่าน
ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออะไร หรือต้องเตรียมตัวอะไรมาก
ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมืออะไร หรือต้องเตรียมตัวอะไรมาก
ในการจัดการกับโรคเบาหวาน...
เราเพียงแค่เดินวันละ สามถึงห้าไมล์ หรือ อาทิตย์หนึ่งออกกำลังเพียงห้าวัน
การทำสวน รดน้ำต้นไม้ ขุดดิน ปลูกต้นไม้ ตัดหญ้า ก็เป็นการอออกกำลังกายที่ดี
นอกจากนั้น ท่านยังได้สัมผัสกับแสงแดด และ ไดรับอากาสบริสุทธิ์
เราเพียงแค่เดินวันละ สามถึงห้าไมล์ หรือ อาทิตย์หนึ่งออกกำลังเพียงห้าวัน
การทำสวน รดน้ำต้นไม้ ขุดดิน ปลูกต้นไม้ ตัดหญ้า ก็เป็นการอออกกำลังกายที่ดี
นอกจากนั้น ท่านยังได้สัมผัสกับแสงแดด และ ไดรับอากาสบริสุทธิ์
ในรายที่เป็นเบาหวาน ที่มีปัญหาเรื่องการเดิน หรือสตรีที่เป็นเบาหวาน
ที่ต้องนอนบนเตียงเพราะมีภาวะแทรกซ้อนจากโรค
เขาควรทำอย่างไร ?
ที่ต้องนอนบนเตียงเพราะมีภาวะแทรกซ้อนจากโรค
เขาควรทำอย่างไร ?
แน่นอน... เขาสามารถออกกำลังกายด้วยการใช้แขนออกกำลังกายแทน
โดยไมจำเป็นต้องใช้เท้าเดินก็ได้ สามารถบริหารแบบ “แอโรคบิค”
สำหรับสตรีตั้งครรภ์ ไม่ควรออกกำลังกายอย่างรุนแรง เพราะการทำเช่นนั้น
สามารถกระตุ้นให้มดลูกหดตัวอย่างแรง อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
โดยไมจำเป็นต้องใช้เท้าเดินก็ได้ สามารถบริหารแบบ “แอโรคบิค”
สำหรับสตรีตั้งครรภ์ ไม่ควรออกกำลังกายอย่างรุนแรง เพราะการทำเช่นนั้น
สามารถกระตุ้นให้มดลูกหดตัวอย่างแรง อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
The Best Time To Exercise
การหาเวเลาที่เหมาะสมสำหรับการออกกังกาย...
ท่านอาจจำเป็นต้องพิจารณานิสัยการรับทานอาหารของท่านเอง
รวมถึงยาที่ท่านรับทานเพื่อรักษาโรคของท่านด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะน้ำตาลลดต่ำ
ซึ่งเกิดขึ้นโดยการออกกำลังกาย (hypoglycemia)
ท่านอาจจำเป็นต้องพิจารณานิสัยการรับทานอาหารของท่านเอง
รวมถึงยาที่ท่านรับทานเพื่อรักษาโรคของท่านด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะน้ำตาลลดต่ำ
ซึ่งเกิดขึ้นโดยการออกกำลังกาย (hypoglycemia)
ท่านควรทำการตรวจเช็คดูระดับน้าลในเลือดของท่านทั้ก่อน
และหลังการออกกำลังกาย ท่านควรบันทึกเวลาที่ท่านรับทานอาหาร และเวลาที่ท่านรับยา
ถ้าท่านไม่รับทานยาอะไรเลย การออกกำลังกายของท่าน ไม่น่าจะทำให้ระดับของน้ำตาล
ในเลือดของท่านลดลง
และหลังการออกกำลังกาย ท่านควรบันทึกเวลาที่ท่านรับทานอาหาร และเวลาที่ท่านรับยา
ถ้าท่านไม่รับทานยาอะไรเลย การออกกำลังกายของท่าน ไม่น่าจะทำให้ระดับของน้ำตาล
ในเลือดของท่านลดลง
เมื่อท่านออกกกำลังกาย ควรมีก้อนน้ำตาล หรือ น้ำหวาน เป็นการเตรียมพร้อม
เพื่อแก้ไขภาวะระดับน้ำตาลในกระแสเลือดของท่านลดต่ำ (hypoglycemia)
เพื่อแก้ไขภาวะระดับน้ำตาลในกระแสเลือดของท่านลดต่ำ (hypoglycemia)
แผนปฏิบัติ ด้านอาหารการกิน
สำหร้บคนเป็นเบาหวาน ควรต้อง:
o ลดอาหารประเภทเมล็ดที่ได้รับการขัดเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ออกทิ้งไป
เช่น white bread, refined pasta อาหารประเภทเมล็ด ซึ่งถูกขัดให้ขาว จะทำให้
สารอาหารประเภทใยอาหารน้อยลง แร่ธาตุที่สำคัญ ๆ ถูกกำจัดทิ้งไป
เช่น zinc, chromium, และ manganese
ซึ่ง เป็นธาตุที่มีความสำคัญต่อการรักษาความสมดุลของน้ำตาลในกระแสเลือด
เช่น white bread, refined pasta อาหารประเภทเมล็ด ซึ่งถูกขัดให้ขาว จะทำให้
สารอาหารประเภทใยอาหารน้อยลง แร่ธาตุที่สำคัญ ๆ ถูกกำจัดทิ้งไป
เช่น zinc, chromium, และ manganese
ซึ่ง เป็นธาตุที่มีความสำคัญต่อการรักษาความสมดุลของน้ำตาลในกระแสเลือด
o รับทานอาหารที่มีใยอาหารเพิ่มขึ้น เช่น พวกผัก, พวกถั่ว ชนิดต่าง ๆ
o ลดการรับประทานพวกไขมันอิ่มตัว (saturated fat) และพวก trans fats ลง
โดยสรุป การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรับทานอาหารทีดี (healthy diet)
สามารถช่วยให้ท่านจัดการกับโรคเบาหวานของท่านได้ และ สามารถป้องกัน
ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตาง ๆ เช่น ภาวะหัวใจ และ สมองถูกทำลาย
(heart attack & stroke), ตาบอด (blindness), ไตวาย ถึงขั้นต้องฟอกเลือด
และ โรคเส้นเลือด (vascular disease) ถึงขั้นที่ต้องเสียขา (amputation)
สามารถช่วยให้ท่านจัดการกับโรคเบาหวานของท่านได้ และ สามารถป้องกัน
ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตาง ๆ เช่น ภาวะหัวใจ และ สมองถูกทำลาย
(heart attack & stroke), ตาบอด (blindness), ไตวาย ถึงขั้นต้องฟอกเลือด
และ โรคเส้นเลือด (vascular disease) ถึงขั้นที่ต้องเสียขา (amputation)
Adapted from:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น